แม้ กระแสต่อต้านในยุคนี้จะค่อนข้างแรง แต่กระนั้น...ทั้งใน “งานวัด-งานบุญ-งานบวช-เทสกาลต่างๆ-งานเลี้ยงต่าง ๆ” ยุคปัจจุบันก็ยังคงมีการจัดแสดงมหรสพรื่นเริงที่มีการ “เต้น” ในรูปแบบ “ไม่เหมาะสม” อยู่เหมือนเดิม...
บางงานผู้หลักผู้ใหญ่ พระ-เณร ชะเง้อดูกันสลอน...
ล่าสุดเลี้ยงงานบวชก็เลยเถิดถึง “เปิดหวอโชว์ !!”
ว่ากันถึง “นักเต้น” แม้จะมีผู้ชายรวมอยู่ด้วย แต่ส่วนใหญ่ยังเป็น “ผู้หญิง” ซึ่งก็มีหลายชื่อเรียก ไม่ว่าจะเป็น “หางเครื่อง” “แดนเซอร์” “โคโยตี้” ซึ่งถ้าโชว์ลีลากันแค่พอเหมาะพอควร ก็คงไม่มีปัญหาอะไร
กับนักเต้นที่เรียกว่า “หางเครื่อง” ก็เป็นการแสดงรูปแบบหนึ่งที่ในเมืองไทยเรามีมานาน โดยเฉพาะใน “วงดนตรีลูกทุ่ง” ก็เป็นการเสริมสีสันวงดนตรีลูกทุ่งให้คึกคักน่าสนใจยิ่งขึ้น โดยข้อมูลจากบางแหล่งเกี่ยวกับวงดนตรีลูกทุ่งระบุถึง “หางเครื่อง” เอาไว้ สรุปความได้ว่า... คำ ๆ นี้ที่จริงหมายถึงเครื่องดนตรีประกอบจำพวก ฉิ่ง ฉาบ กรับ ไม้ต๊อก ลูกแซ็ก ที่ในอดีตจะมีการเล่นประกอบเพลง-เครื่องดนตรีหลัก ๆ หรือเรียกว่า “เขย่าหางเครื่อง”
ในยุคต่อ ๆ มาผู้ที่เขย่าหางเครื่องวงดนตรีลูกทุ่งมีการปรับเปลี่ยนทั้งจำนวนคน และการแต่งกาย ซึ่งก็ได้รับความสนใจมากมาตั้งแต่ยุคราชาเพลงลูกทุ่ง สุรพล สมบัติเจริญ ยังมีชีวิตอยู่และโด่งดังสุด ๆ จนหลังปี 2517 เป็นต้นมา จากอิทธิพลของ “ระบำฝรั่งเศส” และการเต้น “โมเดิร์นแดนซ์” จากการเขย่าหางเครื่องก็เริ่มปรับเปลี่ยนเป็นการแต่งตัวออกมาเต้นประกอบ ดนตรี-เพลงลูกทุ่งกันเป็นกลุ่ม จนกลายเป็นอีกหนึ่ง “จุดขาย” ดึงดูดผู้ชม
ผู้เต้นที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงก็ถูกเรียกขานว่า “หางเครื่อง”
“ใน แง่ศิลปะ หางเครื่องซึ่งลอกเลียนมาจากตะวันตกไม่น่าจะเข้ากันได้กับการแสดงเพลงลูก ทุ่ง แต่ในแง่ธุรกิจ ผู้ที่อยู่ในวงการเพลงลูกทุ่งต่างยอมรับว่าหางเครื่องเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ผู้ชมเคยชินและชื่นชอบกับการชมหางเครื่องประกอบการแสดงเพลงลูกทุ่ง หางเครื่องเป็นสิ่งที่ทำให้เพลงลูกทุ่งต่างจากลูกกรุง ผู้ชมก็ตื่นตาตื่นใจกับเสื้อผ้าและลีลาการเต้นของหางเครื่อง” ...บางแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับวงดนตรีลูกทุ่งระบุไว้อย่างนี้
ประเด็นก็คือ... ด้วยความเป็นธุรกิจ นอกจากการแข่งขันกันด้วยลีลาการเต้นของหางเครื่อง และเครื่องแต่งกายสีสันสดสวยแล้ว ความ “โป๊” ของหางเครื่องหญิงก็ถูกเน้นขึ้นมาขาย เพราะ ดึงดูดคนดูที่เป็นชายอย่างได้ผล ก็มีการเลียนแบบ แข่งกันโป๊-แข่งกันหวิวอย่างเอิกเกริก จนกระแสวงดนตรีลูกทุ่งเดินสายซาลงไป...ก็ซาตาม
แล้ว “หางเครื่องโป๊” ก็เปลี่ยนไปโผล่เต็มเวที “หมอลำซิ่ง”
สำหรับ “แดนเซอร์” กลุ่มนี้ภาพลักษณ์จะดีหน่อย เพราะกลายเป็นธุรกิจเฉพาะ มีการฝึกสอน-ฝึกซ้อมกันเป็นเรื่องเป็นราว ได้มาตรฐาน มีการนำมาใช้กับศิลปินเพลงสตริงรุ่นใหม่ ๆ กันแพร่หลาย รวมถึงกับกิจกรรมอื่น ๆ อีกหลายรูปแบบ แต่กระนั้น...ก็ใช่ว่าจะไม่มี “แดนเซอร์แต่งตัวโป๊-เต้นลีลายั่วกามารมณ์”
ในส่วนของ “โคโยตี้ (Coyote)” ที่ในเมืองไทยก็มีการเลียนแบบการเต้นจากต่างประเทศ ลักษณะคือมีผู้หญิงขึ้นเต้นบนฟลอร์-เคาน์เตอร์ในสถานบันเทิงราตรีเพื่อให้ ความบันเทิง-ดึงดูดลูกค้า หลังมีสถานบันเทิงไฮโซในไทยบางแห่งริเริ่มขึ้น หลังกระแสภาพยนตร์ฝรั่งเรื่องโคโยตี้ อั๊กลี่ ถึงทุกวันนี้ในเมืองไทยก็มีการเต้นโชว์ดาษดื่น และลักษณะเฉพาะก็คือ “เต้นประกอบเพลงที่มีจังหวะเร้าใจด้วยลีลาเซ็กซี่ยั่วยวน-สวมชุดวาบหวิว”
หลายแห่งนั้นบางคนออกปากว่าละม้าย “อะโกโก้”
“อะโกโก้” มีที่มาจากคำในภาษาอังกฤษว่า “A GO GO GIRL” ซึ่งในต่างประเทศมีความหมายว่าหญิงรักสนุก ชื่นชอบที่จะแสดงความสามารถโดดเด่นบนพื้นที่เหนือระดับสายตา แต่ในเมืองไทยตามย่านสถานบันเทิงราตรี โดยเฉพาะย่านที่ฝรั่งนักท่องเที่ยวนิยม เป็นการ “โชว์เซ็กซ์”
การเต้นอะโกโก้ในเมืองไทยผู้หญิงที่เต้นจะนุ่งน้อยห่มน้อย หรือบางทีก็ “ไม่นุ่ง-ไม่ห่ม” เลยด้วยซ้ำ !?! จะเต้นโดย “รูดเสา” ที่ส่วนใหญ่เป็นเสาโลหะขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางพอมือกำได้ถนัด ซึ่งในต่างประเทศที่เป็นคนละวัฒนธรรมกับไทยนั้นการเต้นรูดเสาเป็นการเต้น อีกชนิดหนึ่งเรียกว่า “ระบำเปลื้องผ้า” ซึ่งต้องใช้ทักษะและเทคนิคในการแสดงค่อนข้างสูง ไม่ใช่เต้นแบบในเมืองไทยซึ่งสถานที่ที่มีการเต้นลักษณะนี้จะเรียกว่า “บาร์อะโกโก้” และหลายที่จะมีโชว์พิเศษพิสดาร ๆ ออกแนวที่เกินคำว่ายั่วหรือวาบหวิวไปไกลลิบ ?!?
มา ถึงตรงนี้ สรุปแล้วก็คือไม่ว่าจะเต้นแบบไหน ? ไม่ว่าจะเรียกชื่อว่าอะไร ? ในเมืองไทยถ้ามีการเต้นแล้วละก็เป็นต้องมีประเภทที่เน้น “โป๊-ยั่วกาม” รวมอยู่ด้วย หรือจะว่ากันชัด ๆ ก็คือ “เป็นส่วนใหญ่” และก็มีมานาน
“จ้ำบ๊ะ” ...นี่คือชื่อเรียกการ “โป๊-เต้นยั่วกาม” หรือระบำเปลื้องผ้าแบบไทย ๆ ที่ในอดีตฮือฮามาก ซึ่งข้อมูลบางแหล่งระบุว่าคณะที่เป็นต้นแบบชื่อ หรั่ง เรืองนาม ในกรุงเทพฯ ยุคอดีตก็มีงานภูเขาทองเป็นเวทีเด่น และการเต้นแบบนี้ก็แพร่หลายไปทั่ว ปรับเปลี่ยนไปหลายสไตล์ อย่าง “เมียงู” ก็น่าจะอยู่ในข่ายเดียวกัน
“หางเครื่อง” ก็โป๊... “แดนเซอร์” ก็มีที่โชว์หวิว...
“โคโยตี้” ก็ยวนยั่ว... “อะโกโก้” ก็ยิ่งเน้นสยิว...
แต่ “เต้นยั่วกาม” ที่อมตะสุด...น่าจะ “จ้ำบ๊ะ”
“เปิดเต้า-เปิดหวอ” จะ-จะ !! ยุคนี้ก็มีหนักขึ้นกว่าเดิม!!!!.