นอแรดเกรดจิวเวอรี่ ลักษณะหลังโดม หนัก 3.18 กรัม กว้างยาว 1.9 ซม. สูง 1.2 ซม.และ 2.78 กรัมกว้าง 1.6 ยาว 1.75 ซม. สูง 1.1 ซม.
ลักษณะครบ ไม่ทึบแสงเมื่อส่องไฟจากหลังโดม มีรอยเสี้ยนโดยรอบ เมื่อส่องกล้องจะเห็นว่าเกิดจากขนรวมตัวกันเป็นชั้นๆเหมือนวงปีต้นไม้ มีแกนกลางเส้นประสาทกลางนอปรากฏบนยอดโดมและฐานนอ ไม่ลอยน้ำ
กรัมละ 1000 บาท ถูกกว่าราคาตามมาตรฐานสากลถึง 50 % เป็นราคา 3,180 และ 2,780 บาท
นอแรด นั้นเกิดจากเส้นใยเคราตินที่อัดตัวกันจนแน่นหรืออาจจะเรียกว่าเป็นขนที่รวมตัวกันโดยมีน้ำมันจากตัวแรดเป็นตัวประสานกันจนแน่น ผ่านระยะเวลาเป็นสิบปีกว่าจะมีลักษณะเป็นนอ โดยแรดทั่วไปจะเริ่มมีนอให้เห็นเมื่อตอนมีอายุ 6 ปีขึ้นไป การเกิดนอเป็นลักษณะพิเศษทางธรรมชาติ เนื่องจากแรดทั่วไปจะไม่มีขนและไม่มีต่อมเหงื่อใต้ผิวหนัง ซึ่งทำให้มันต้องลดความร้อนของร่างกายโดยไปนอนแช่ปลักโคลนเป็นระยะๆ แต่แรดพันธุ์ที่มีขนหรือเรียกว่า แรดสุมาตรา หรือกระซู่ นั้นเป็นแรดที่มีขน จากการศึกษาทางสัตว์วิทยาโบราณ พบว่ากระซู่นั้นเป็นญาติใกล้ชิดแรดขนยาวโบราณยุคน้ำแข็งที่อพยพจากทางยุโรปลงมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนแรดพันธุ์อื่นๆแต่เดิมก็อาจจะมีขนแต่ได้วิวัฒนาการตัวเอง ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมจนขนบนร่างกายได้หายไป เช่นเดียวกับช้างแมมมอธสู่ช้างในยุคปัจจุบัน กลับมาที่การเกิดนอ จากที่เป็นปุ่มนอ นอของแรดจะขยายตัวตามเส้นใยที่ยาวขึ้นและรวมตัวกันมากขึ้นโดยยึดแน่นติดกับตุ่มอันหยาบด้านตรงผิวหนังเหนือ ขึ้นไปบริเวณกระดูกจมูก ซึ่งเป็นจุดเดียวที่อาจเรียกได้ว่ามีต่อมผิวหนังสำหรับหลั่งน้ำมันที่ธรรมชาติสร้างไว้คู่กับการเกิดนอ ซึ่งในน้ำมันดังกล่าวจัดได้ว่าเป็นฮอร์โมนที่เกิดจากร่างกายของแรด เหมือนน้ำมันช้างตกมันก็ว่าได้ เราสามารถสังเกตได้ว่านอแรดที่แท้นั้นจะไม่ใช่กระดูก จึงทำให้มันโปร่งแสง และเมื่อส่องด้วยกล้องขยายจะเห็นภายในใต้ผิวนอรอบนอกจะมีลักษณะเหมือนเส้นใยที่ยังรวมตัวกันไม่เป็นเนื้อเดียว แต่บริเวณใจกลางของนอแรดจะมีลักษณะคล้ายเขาเพราะเส้นใยเคราตินได้รวมตัวกันเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว แต่ก็ยังมีความโปร่งแสงอยู่
นอแรดนั้นมีคุณวิเศษที่สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ด้าน ได้แก่
ด้านสรรพคุณทางยา ทั้งสูตรยาจีนและยาไทย ซึ่งนอแรดที่ได้จากทวีปเอเชียทั้ง 3 สายพันธุ์ จะมีคุณสมบัติดีกว่านอแรดจากทวีปแอฟริกา โดยทั่วไปนอแรดมีฤทธิ์เย็น ใช้ดับพิษร้อนต่างๆได้ดี ตั้งแต่ไข้ธรรมดา จนถึงไข้ทรพิษ ประเทศจีนได้มีการศึกษานอแรดอย่างจริงจังจนพบว่าในนอแรดนั้นมีฮอร์โมนบางอย่างที่มีผลทางด้านอายุวัฒนะ บำรุงกำลัง ใช้ได้ทั้งชายและหญิง รวมถึงความเชื่อที่ว่านอแรดให้สรรพคุณทางเพศโดยเฉพาะเพศชาย ที่ช่วยให้มีสมรรถภาพทางเพศที่สมบูรณ์อีกด้วย ส่วนในตำรายาไทย นอแรดเป็นส่วนผสมอย่างหนึ่งในการเข้ายาวาสนาหรือตำรับยาจินดามณีอันโด่งดังของสำนักวัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ซึ่งสรรพคุณของยาจินดามณีนี้นอกจากแก้ได้ทุกโรค ยังมีเสริมวาสนาของผู้ครอบครองอีกด้วย ซึ่งจะไปสอดคล้องกับคุณวิเศษด้านความเชื่อพื้นบ้าน
ด้านวัตถุหายาก กล่าวคือในสมัยก่อนนั้นนอแรดเป็นสินค้าต้องห้าม เป็นเครื่องราชบรรณาการ มีการนำนอแรดไปแกะสลักเป็นรูปต่างๆโดยเฉพาะรูปสลักที่เกี่ยวกับศาสนา มีการนำไปทำเป็นลูกปัดแทนลูกปัดหินสี โดยลักษณะทางกายภาพนั้นถึงแม้นอแรดจากทวีปแอฟริกาจะยาวหรือมีปริมาตรมากกว่านอแรดที่ได้จากทวีปเอเชียก็ตาม แต่เนื้อหามวลสารนั้นแตกต่างกัน การแกะสลักนอแรดทางเอเซียจะได้ชิ้นงานที่สวยกว่าทั้งสีสันและพื้นผิวที่สวยงามกว่ามาก เนื่องจากถ้าเทียบกันในกลุ่มของกระดูกหรือเขาสัตว์แล้ว นอแรดจัดได้ว่าเป็นจักรพรรดิในกลุ่มเขี้ยว เขา งา กระดูก อันด้วยมาจากการที่แรดเป็นสัตว์ที่หาตัวจับยาก เวลาตื่นตระหนกตกใจซึ่งเป็นธรรมดาของแรด มันจะหนีเตลิดเข้าไปในป่าทึบที่พรานไม่อาจจะตามล่ามันได้ มีคำกล่าวว่า ล้มช้างงางามเป็นสิบตัว ยังไม่เท่าได้มูลแรดสักกอง
ด้านความเชื่อพื้นบ้าน สมัยก่อนนอแรดจะเรียกว่าทองคำดำเพราะว่าเป็นของมีค่าหายากมากถึงกับแพงกว่าทองคำสองสามเท่าตัว คนโบราณเชื่อกันว่าแรดเป็นสัตว์ของเมืองลับแลไม่ได้พบเห็นกันง่าย ๆ บางทีตามแกะรอยอยู่ รอยเท้าก็หายไปเฉย ๆ ค้นหาเท่าไรก็ไม่พบ จนบางตำนานยังกล่าวว่าว่าแรดนั้นเป็นพาหนะเจ้าป่า ใครที่ล่าแรดมักจะเจอกับอาถรรพ์ป่าต่างๆทำให้พรานผู้ล่าแรดมักประสบเหตุถึงชีวิตหลายต่อหลายราย นอแรดโดยทั่วไปเป็นเครื่องรางที่คนสมัยโบราณทำใส่ตลับเงินมีไว้ติดตัว ให้อิทธิคุณทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ซึ่งตามความเชื่อทั้งไทยลาวพม่า นอกจากจะถือว่านอแรดเป็นยาวิเศษแล้ว ยังถือเป็นเครื่องรางโชคลาภค้ำคูณ ยิ่งกว่าเพชรตาแมว ผู้ใดมีนอไว้จะมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง สามารถป้องกันอันตรายอันเกิดจากอัคคีภัย ป้องกันผีร้ายและคุณไสย โดยเฉพาะนอเหม็นหรือนอแรดกำจัด ซึ่งเป็นนอที่หายากมากที่สุด มีอานุภาพมากที่สุด นิยมเก็บไว้ในผอบตั้งวางร่วมกับหิ้งพระพุทธรูปตลอดจนนำไปแกะเป็นพระพุทธรูป โดยมีความเชื่อว่า แม้ฝนที่ตกลงหลังคาบ้านนั้นไหลไปสู่ที่ใดก็จะนำความเป็นมงคลความเจริญรุ่งเรืองไปสู่ที่นั้นๆด้วยโดยเฉพาะทางลาวจะนิยมกันมาก ซึ่งนอแรดที่เข้าตามตำราที่ปรากฏบันทึกในใบลานหลวงพระบาง จะแบ่งได้ 4 ชนิดดังนี้
นอที่มีสีดำจะเรียกว่า นอนิลดำ เป็นสีดำสนิทหรือแซมด้วยสีทองหรือสีแดงนอชนิดนี้หายากที่สุด นอที่ดำสนิทแทบจะทึบแสง มีคำโบราณกล่าวว่า" นอนิลดำ คูณล้ำค่ามาก"
นอที่มีสีเหลืองอ่อนอมเขียวอมน้ำตาลอ่อน จะเรียกว่า นอหน่วยแก้ว นอชนิดนี้หาพบได้ง่ายกว่านอชนิดอื่นๆ และเป็นนอที่มีของปลอมโดยเอาเล็บช้างมาทำ มีคำโบราณกล่าวว่า "นอหน่วยแก้ว คูณล้ำอยู่เริง"
นอที่สีส้มอมแดงหรือสีน้ำตาลอ่อนจะเรียกว่า นอน้ำผึ้ง มีทั้งสีน้ำผึ้งอ่อนและแก่ นอชนิดนี้ถ้าออกสีส้มมักจะหายากมากส่วนใหญ่เป็นเล็บช้าง มีคำโบราณกล่าวว่า"นอน้ำผึ้ง คูณเริงบ่รู้ล้า"
ส่วนนอที่ออกทรงแหลมสูงเรียกว่า นอด้ามพร้า ซึ่งจะพบน้อยมากเพราะนอส่วนใหญ่ของแรดทางเอเซียจะทรงทู่ๆไม่แหลมแรดทางแอฟริกา คำโบราณว่า "นอด้ามพร้าคูณหน้ากว่าหลัง"
นอกจากนั้นนอแรดยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการสร้างพระธาตุ มาแต่ครั้งโบราณ ซึ่งในตำรากล่าวว่าจะต้องมีของ 4 อย่าง ประกอบด้วย 1.อัฐิพระอรหันต์ 2.ฆ้อง 3.ปืนไฟ 4.นอแรด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรื่อง นอแรด มีความเชื่อกันมาแต่โบราณ ถือกันว่าเป็นเครื่องราง ค้ำคูณให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
|