พระล้านนาดอทคอม แหล่งรวมพระเครื่องเมืองเหนือ
เครื่องรางของขลัง

ก้อนโคตรเหล็กไหล

(ปิดการประมูลแล้ว)

ก้อนโคตรเหล็กไหล

ชื่อพระ :
 ก้อนโคตรเหล็กไหล
รายละเอียด :
 

ก้อนโคตรเหล็กไหล ( ธาตุกายสิทธิ์ จากเขาอึม)

      องค์มีวรรณะสีดำ จะเห็นสีรุ้ง 7 สี ในบางส่วน เมื่อต้องแสงไฟ สวยค่ะ  และเริ่มมีปุ่มจุดเล็ก ๆ บูชาดี ๆ ปุ่มจุดเล็ก ๆ นี้จะขยายเป็นจุดใหญ่ขึ้นค่ะ

--------------------------------------------------------

ลักษณะของโคตรเหล็กไหล

     เหตุที่เรียกว่า โคตรเหล็กไหลเพราะมีลักษณะการเกิดที่พิสดาร เนื้อเดิม ๆ ก็ เหมือนกับก้อนหินทั่วไป แต่พื้นผิวกับงอกขึ้นมาเองเป็นผิวมันสีดำสนิท เม็ดเล็กตั้งแต่ ขนาดเท่าปลายเข็ม ไข่ ปลาดุก เม็ดถั่วลิสง เม็ดพุดทรา เกาะกันเป็นกลุ่มก้อน หนาบ้างบางบ้าง บางแห่งเหมือนการหยดหรือไหลย้อย ทำให้นึกถึงเหล็กไหลที่เราเคยได้ยินกันว่า สามารถเคลื่อนที่ไปตามพื้นถ้ำ ผนังถ้ำ ตามรอยแยกรอยแตกของส่วนต่าง ๆ ภายในถ้ำ

     แต่ที่มันแปลกมากก็คือ พื้นเดิมของมันเป็นหินแน่นอน แต่พองอกออกมากลับกลายเป็นเนื้อแกร่งคล้ายเหล็ก ถ้าไม่เคยรู้จักมาก่อนก็ทึกทักเอาว่าเป็นเนื้อโลหะ ธรรมชาติสร้างได้พิสดาร จึงน่าจะมีความพิสดารอื่นที่ซ่อนเร้นอยู่อย่างแน่นอน

 

เหล็กไหลโคตรทรหด

     ธรรมชาติของโคตรเหล็กไหลนั้นมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ชั้นสุดยอดนั้นสามารถทำการลนเอาตัวยอดเหล็กออกมาได้และยอดเหล็กที่ย้อยออกมานั้นก็คือ เหล็กไหลน้ำหนึ่งตามธรรมชาติที่เคยเล่าขานกันมานาน บางทีก็เรียกขานกันว่า "ยอดทรหด" หรือ "โคตรทรหด" ก็มี เพราะย่อมหมายถึงสุดยอดของเหล็กไหลน้ำดีชั้นยอดที่เกิดจากโคตรเหล็กไหล

     โคตรเหล็กไหลหรือโคตรทรหดนี้มีลักษณะที่ค่อนข้างพิเศษที่สังเกตได้ง่ายคือ มีลักษณะรวมตัวกันเป็นมัด ๆ คล้ายกล้ามเนื้อคน ผิวลื่นมันระยับ มีหลายสีด้วยกัน บางชนิดสีดำสนิทดุจนิล เขียวอมดำก็มี บางทีจะพบเห็นเป็นเหลือบลายสีรุ้ง เหลือบสีเขียวปีกแมลงทับ ยิ่งโดนแสงแดดจัด ๆ กระทบเข้าด้วยแล้ว จะยิ่งทอแสงเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มองแล้วชวนให้ลุ่มหลงไม่น้อยทีเดียว

 

เหล็กไหลงอก

      นอกจากเหล็กไหลโคตรทรหดแล้ว ยังมีโคตรเหล็กไหลชั้นยอดอีกประเภทหนึ่งที่เป็นที่นิยมมากเช่นกัน เรียกกันว่า "เหล็กไหลงอก" โคตรเหล็กไหล"ประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นเม็ด ๆ คล้ายไข่ปลาดุก หรือ เกล็ดปลากระดี่ บางครั้งหากงอกเพิ่มขึ้นมามาก ๆ ก็จะรวมตัวกันคล้ายรวงผึ้งหรือไข่ปลาดุกเกาะติดกันเป็นแพ จึงเป็นเผ่าพันธ์ของเหล็กไหลที่มีความแปลกไปอีกอย่างหนึ่ง

 

โคตรเหล็กไหลงอก

      โคตรเหล็กไหลทุกประเภท สามารถที่จะ "งอก" ขึ้นมาเองได้โดยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นก้อนใหญ่ หรือก้อนเล็กก็ตาม แม้แต่ก้อนขนาดเล็กที่นำมาเลี่ยมแขวนติดตัว ก็งอกขึ้นมาเองจนกรอบพลาสติกแตก หรือต้องคอยเปลี่ยนกรอบอยู่เสมอ เพราะจากตุ่มเพียงปลายเข็มก็อาจจะโตใหญ่ขึ้นมาเท่ากับเม็ดถั่วลิสงได้โดยใช้เวลาไม่นาน  เพียงแต่การงอกนั้นจะช้าหรือเร็วก็ย่อมขึ้นอยู่กับบุคคลและสถานที่ด้วย

      สำหรับผู้หมั่นบำเพ็ญเพียรทางจิตที่แผ่พลังเมตตาถึงโคตรเหล็กไหลอยู่เสมอหรือเป็นประจำ จะพบว่าการงอกหรือโตนั้นจะเร็วมาก แต่ถึงจะทิ้งไว้บนหิ้งหรือเก็บไว้เฉย ๆ มันก็คงจะงอกเองโดยธรรมชาติอยู่ดี เพียงแต่ช้าหน่อยเท่านั้น ซึ่งย่อมแสดงว่าเหมือนเป็นสิ่งมีชิวิตเผ่าพันธ์หนึ่งที่สามารถเจริญเติบโตได้

 

สีสันของโคตรเหล็กไหล

1.       สีดำเหมือนนิล

2.       สีเทาดำ

3.       สีเขียวอมดำ

4.       สีเขียวปีกแมลงทับ

5.       สีรุ้ง 7 สี

                                                           

               ครูบาอาจารย์บางท่านก็นำไปแช่ทำน้ำมนต์ ด้วยการกำหนดจิตเพ่งกสิณอภิญญา เพื่อให้อานุภาพของโคตรเหล็กไหลแผ่พลังออกมาอย่างเต็มที่ เพื่อทำน้ำเปล่า ๆ นี้เป็นน้ำทิพย์มนต์เหล็กไหลที่เต็มไปด้วยประจุพลังเหล็กไหล ใช้ได้สารพัดประโยชน์รวมทั้งโรคภัยไข้เจ็บด้วยเช่นกัน

 

อานุภาพของโคตรเหล็กไหล

1.       มหาอุด

2.       คงกระพัน

3.       เมตตามหานิยม

4.       โชคลาภ

5.       กันพิษสัตว์เขี้ยวงา

     พระเกจิอาจารย์ที่มีความรู้ในเรื่อง เหล็กไหล ต่างก็ทราบกันดีว่า เหล็กไหลทุกชนิด จะเด่นทางด้าน มหาอุด แคล้วคลาด คงกระพัน ดังนั้นโคตรเหล็กไหลก็เฉกเช่นกัน จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ธรรมชาติ ที่ให้ผลปรากฏแก่ผู้พบเห็นมากมาย เพียงแต่ยังไม่มีใครได้ได้ถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษรให้เราได้ศึกษากันเท่านั้น

    ผู้ใดได้บูชาโคตรเหล็กไหลไว้กับบ้านแล้ว จะประสพแต่ความร่มเย็นเป็นสุข เหมือนเขตขุนเขาแห่งนี้ที่มีความเย็นตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์สามารถป้องกันภัยพิบัติต่าง ๆ ได้ มีอำนาจทางคงพระพันหนังเหนียว ปลอดภัยจากอาวุธของมีคม และยังมีคุณสมบัติพิเศษพกติดตัว ในทางป้องกันสัตว์เขี้ยวงาต่าง ๆ รวมทั้งอสรพิษด้วย หรือหากใครถูกสัตว์เขี้ยวงากัดเอา เช่นตะขาบ แมงป่องขบกัดเอา ท่านให้ใช้แร่โคตรเหล็กไหลทำการดูดพิษได้ โดยเอาตัวแร่มาแนบปิดไว้ที่แผลเพียงไม่นานอาการปวดก็จะบรรเทา 

---------------------------------------------------------------

(อีกตำรา)

 

เหล็กไหลคืออะไร ในความเป็นจริงแล้วเหล็กไหลก็คือธาตุชนิดหนึ่งในโลก ตัวของเหล็กไหลจริงๆนั้นไม่อาจสามารถระบุได้ว่ามันเป็นธาตุอะไรกันแน่ ทั้งนี้เพราะเหล็กไหลนั้นมีหลายเผ่าพันธุ์ บางชนิดนั้นมีลักษณะเป็นโลหะธาตุแต่ก็ไม่ใช่เหล็ก บางชนิดนั้นมีลักษณะเป็นเนื้อหินไม่ใช่โลหะ ชาวบ้านจะเรียกกันว่า หินไหน บางชนิดนั้นมีลักษณะเป็นเนื้อแก้ว มีทั้งสีเขียว สีดำ บางชิ้นสีออกเหลือง ผู้รู้จะเรียกกันว่า มณีนพรัตน์ แต่เป็นความหมายของเหล็กไหล ไม่ใช่เพชรพลอยอย่างที่เข้าใจกัน

เราสามารถสรุปเหล็กไหลว่าคืออะไรได้ดังนี้ เหล็กไหลคือสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่งที่มีจิตวิญญาณ มีชีวิตขั้นพื้นฐานของตนเอง และเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสังขารร่างกายอยู่ในรูปร่างของ วัตถุธาตุบางอย่าง มีอยู่หลายชนิดหลายเผ่าพันธุ์ในธรรมชาติ

ประเภทของเหล็กไหล
การจัดแบ่งเหล็กไหลนั้นครูบาอาจารย์ท่านจะแบ่งเหล็กไหลออกเป็นสองประเภทหลัก ก่อนที่จะแยกย่อยลงไปคือ

เหล็กไหลประเภทน้ำหนึ่ง หมายถึง เหล็กไหลชั้นยอด ที่สามารถไหลย้อยตัวเองเป็นของเหลวไปตามที่ต่างๆ มีอิทธิฤทธิ์ในการดับพิษไฟทุกชนิด มีศักยภาพในการทำลายดินระเบิด ฟอสฟอรัส เป็นมหาอุดหยุดกระสุนปืน กินพลังงานไฟฟ้าได้
เหล็กไหลประเภทที่สองเรียกว่าเหล็กไหลน้ำรอง หมายถึงรังเหล็กไหลหรือโคตรเหล็กไหล คือเหล็กไหลที่แข็งตัวเองแล้ว ไหลไปมาไม่ได้ แต่สามารถงอกได้ เจริญเติบโตได้ และมักเกาะกลุ่มกันเป็นรังใหญ่บ้าง ก่อตัวคล้ายรังผึ้ง บ้างคล้ายรังต่อหรือจอมปลวก บางชนิดพบในถ้ำ ตามผนังถ้ำ บางชนิดพออยู่ในใต้ดินลึกลงไป

เหล็กไหลประเภทน้ำหนึ่งนี้ถือเป็นของคู่บุญเป็นของเฉพาะตัว ไม่ใช่ของที่ใครๆจะหาได้ง่ายๆ และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใฝ่หาเหล็กไหลประเภทน้ำหนึ่งเป็นเรื่องของบุญบารมีเท่านั้น เพราะเหล็กไหลประเภทนี้มีอาถรรพ์ในตัวมาก ผู้ที่ใฝ่หาด้วยความโลภ มักเกิดความวิบัติทั้งทางทรัพย์สินเงินทองจนถึงชีวิตของตนได้

.....

ตำนานเหล็กไหล 

   เหล็กไหลเป็นโลหะธาตุที่มีความลี้ลับพิสดาร แปลกประหลาดมหัศจรรย์แตกต่างไปจากโลหะธาตุทั้งปวง จึงได้ถูกจัดอยู่ในฐานะธาตุกายสิทธิ์ที่มีชีวิตจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นไปตามวิบากของกฎแห่งกรรม ที่บันดาลให้วิญญาณในสังสารวัฏมาปฏิสนธิ ในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์มี อิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติทั่วไป

     ดังนั้น เหล็กไหลจึงถือเสมือนหนึ่งเป็นสัตว์โลกที่มีชีวิตเผ่าพันธุ์หนึ่งในโลก เพราะเหล็กไหลมีทั้งตัวผู้และตัวเมีย สามารถเคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคน้ำผึ้งเป็นอาหาร มีการขับถ่ายออกมาได้ ซึ่งเรียกกันว่า ขี้เหล็กไหลนอกจากนี้ยังสามารถเสพกามได้ แต่เป็นการเสพกามกันทางกระแสจิตวิญญาณ เพราะเพียงแต่มีความรู้สึกใคร่ในกามารมณ์ ก็สามารถบรรลุจุดสุดยอดได้ในทันที โดยไม่ ต้องมีการถูกต้องสัมผัสกัน และชอบพักผ่อนหลับนอนในสถานที่สงบตามถ้ำ

     เหล็กไหลจึงจัดเป็นสัตว์ที่ประเสริฐเผ่าพันธุ์หนึ่งของโลก จัดอยู่ในจำพวกเทพ แต่เป็นเทพที่ มาชดใช้วิบากกรรมในโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงทำให้มีพวก ยักษ์ คนธรรพ์ ครุฑ นาค คอยให้ความอารักขาอีกทีหนึ่ง เหล็กไหลจึงมีถิ่นกำเนิด และบารมีที่แตกต่างกันไป ตามเผ่าพันธุ์และวรรณะ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ และสมมุติเรียกหาเพื่อให้เห็นความแตกต่างชัดเจนขึ้นเท่านั้น เช่น

 

โคตรเหล็กไหล (เหล็กไหลงอกหรือเหล็กทรหด) เป็นเหล็กไหลที่มีปรากฏอยู่ค่อนข้างมาก สีดำสนิทเป็นมันเลื่อมเมื่อกระทบแสงสว่าง ผิวค่อนข้างละเอียด แม่เหล็กดูดไม่ติดพบเห็นได้ตามถ้ำที่ ลึกลับ  เกิดจากเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลกนี้  จึงมีพวกเทพที่เป็นยักษ์ หรือ คนธรรพ์คอยให้ความอารักขา  ไม่ยืดหรือหดได้อีก แม่เหล็กดูดไม่ติด แต่ชอบกินน้ำผึ้ง สามารถงอกโตขึ้นเอง บางทีหากเจ้าของบูชาให้ดี จะเปลี่ยนเป็นสีดำอมเขียว ไปจนถึงเป็นสี รุ้ง ๗ สี  ดีทั้งเมตตา โชคลาภ แคล้วคลาดกันภัย มหาอุด  คงกระพันถอนพิษสัตว์เขี้ยวงาต่าง ๆ งอกขึ้นอยู่ตามพื้นถ้ำและผนังถ้ำที่มีความชื้นและเย็นพอสมควร สามารถนำมาแกะหรือเจียรนัยเป็นเครื่องรางหรือรูปวัตถุ มงคลตามต้องการ

 

เหล็กไหลย้อย  เป็นเหล็กไหลที่ปรากฏอยู่ค่อนข้างมาก สีออกดำหรือเทาดำ ด้านไม่มีแวว เปราะและกรอบเหมือนเหล็กผุ  เป็นเหล็กไหลที่ตายซากแล้ว  ไหลย้อยอยู่ในซอกถ้ำที่ลี้ลับ ลักษณะแข็งกรอบ ยาวเป็นศอกเป็นคืบเป็นวา ไม่ยืดหรือหดได้อีก ไม่กินน้ำผึ้ง แม่เหล็กไม่ดูด เกิดจากได้มีการเคลื่อนย้ายแหล่งหาน้ำผึ้งไปในสถานที่ ใหม่ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปมาก ธาตุขันธ์เดิมจึงถูกทิ้งไว้ เหมือนไม่มี ชีวิตจิตวิญญาณ คือเหลือแต่ซากนั่นเอง บางทีมีอสูรกายชอบถือโอกาสเข้าแอบแฝงอาศัยอยู่ เกจิอาจารย์ที่มีกฤตยาคมสูงสำเร็จอัปปนาสมาธิพลังจิตแก่กล้า มักจะนำมาปลุกเสกให้เกิดอานุภาพ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดคงกระพัน จนถึงมหาอุดเลยที เดียว แต่ถ้านำมาหลอมละลายด้วยไฟอาคมจะกลายเป็นของเหลวสีดำมันวาวเหมือนนิล หล่อหลอมเป็นพระพุทธรูป เครื่องรางต่าง ๆ ได้ดี มี อานุภาพทางโชคลาภ แคล้วคลาดคงกระพันชาตรี ทำลายอาถรรพณ์ทุกชนิด หากบูชาให้ดีจะเปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ ได้หลายสีตามบารมีของผู้บูชา

 

ขี้เหล็กไหล มักจะปรากฏอยู่ในถ้ำหรือบริเวณที่มีเหล็กไหล เหมือนกับมูลหรือการขับถ่ายของเสียจากเหล็กไหล ลักษณะเป็นก้อนกลม ๆ สี ออกดำบ้าง น้ำตาลบ้าง ไม่สามารถยืดได้หดได้ แม่เหล็กดูดไม่ติด หากครูบาอาจารย์ผู้ทรงฌาน ทำพิธีกรรมให้ถูกต้อง เฉกเช่นวัตถุ มงคลที่ถูกปลุกเสก ก็จะมีอานุภาพตามที่ ประสงค์

 

สี สั น ข อ ง เ ห ล็ ก ไ ห ล

ดังที่ได้เคยกล่าวไว้ในตอนต้นแล้วว่า สีสันของเหล็กไหลนั้นจะบ่งบอกถึงบุญบารมีของกายทิพย์เดิมหรือผู้รักษาเหล็กไหล ซึ่งเป็นผู้ที่มีบารมีจากภพภูมิที่แตกต่างกันไป ซึ่งอาจจะเป็น พรหม ฤาษี เทวดา คนธรรพ์ เพชรพญาธร ยักษ์ ที่เข้าไปจับจองเป็นเจ้าของ ทำให้เกิดอิทธิฤทธิ์ในขั้น ล่องหนหายตัว ยืดหดเองได้ สีสันต่าง ๆ ที่พบเห็นบ่อยนั้นได้แก่

1.สีเขียวปีกแมลงทับ หรือ เขียวมรกต
2.สีเขียวตองอ่อน
3.สีน้ำตาลอ่อนหรือท้องปลาไหล
4.สีเปลือกมังคุด หรือ สีน้ำตาลไหม้
5.สีเงินยวง หรือ สีขาวเงินในเบ้าหลอม
6.สีทองลูกบวบ
7.สีนิลดำสนิทแวววาว
8.สีลูกหว้า หรือ ม่วงเข้ม

ดังนั้น สีสันของเหล็กไหลอาจแปรเปลี่ยนได้ตามกาลเวลา เพราะเหล็กไหลเมื่อได้กระจัดกระจายไปอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของโลก ซึ่งมักจะเป็นสถานที่สงบ อากาศเย็นชุ่มชื้น ทั้งใต้พื้นน้ำ ตามถ้ำ ป่าเขา ลำเนาไพร เพื่อแสวงหาอริยะสัจธรรมมานานนับโกฏิปีก็มี การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ย่อมมีผลกระทบต่ออาณาจักรของเหล็กไหล จึงจำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้ายที่อยู่อาศัย เสาะแสวงหาสถานที่หรือสร้างอาณาจักรขึ้นมาใหม่ ฉะนั้นสี สันของเหล็กไหลอาจเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเหตุดังกล่าว คือ

# สีสันขึ้นอยู่กับสภาพสิ่งแวดล้อม ภูมิประเทศ ดินฟ้าอากาศ เช่น แร่ธาตุในบริเวณนั้น อากาศหนาวจัด อากาศร้อนจัด ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและสีสันที่แตกต่างกันออกไป เพื่อการอำพรางตัว ปรับตัวตามอุณหภูมิ

# สีสันเปลี่ยนแปลงไปตามจริตของเทพเทวาในระดับต่าง ๆ อาจจะเนื่องด้วยอำนาจลี้ลับของวิญญาณแห่งธรรมชาติบันดาลให้เป็นไปในสีต่าง ๆ หรือ ผู้ที่ครอบครองเหล็กไหล หมั่นฝึกฝนปฏิบัติ เจริญสมาธิภาวนาอยู่เนืองนิตย์ แล้วแผ่เมตตาบุญบารมีของการปฏิบัตินั้นให้กับเหล็กไหล จะทำให้บารมีของธาตุกายสิทธิ์นั้นเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ สีสันต่าง ๆก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกัน

# สีสันเกิดจากส่วนผสมของสีหลัก ๆ ผสมกัน ซึ่งเป็นความลึกลับอย่างหนึ่งของธรรมชาติ เหล็กไหล

พิธีอาบแสงจันทร์ และเสพน้ำผึ้ง
       เหล็กไหลเสพน้ำผึ้งคือการนำน้ำผึ้งป่าบริสุทธฺมาให้เสพ โดยอาศัยแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญเป็นสื่อ เหล็กไหลจะเสพกลิ่น สี และรส ดังนั้นเราควรถวายน้ำผึ้งแก่เหล็กไหลในคืนวันเพ็ญโดยจัดในที่โล่งแจ้งให้แสงจันทร์สาดส่องมาโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง น้ำผึ้งที่เสพแล้วนั้นจะมีคุณสมบัติที่เปลี่ยนไปเช่นกลิ่นจางลง สีเข้มขึ้นหรืออ่อนลงเป็นต้น
การบุชาให้กล่าวคาถาบูชาดังนี้.

"พุทโธเมนาโถ ธัมโมเมนาโถ สังโฆเมนาโถ โอมสิทธิครูกูสวาโหม"
"ขอพลังอำนาจ จากธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลคุ้มครองข้าพเจ้าให้พ้นจากภัยอันตรายบนโลกธาตุนี้ด้วยเทอญ"

 
ราคาเปิดประมูล :
 330 บาท
ราคาสูงสุด ขณะนี้ :
 330 บาท
ราคาที่ต้องเพิ่มขึ้น ขั้นต่ำ :
 20 บาท

เงื่อนไขการรับประกัน :
 ของแท้ตามภาพ ไม่พอใจ รับคืนใน 7 วันค่ะ

ผู้ตั้งประมูล :
 บุษกร พรดอนก่อ
ที่อยู่ :
 9/102 ซ.ผลพัฒนา หมู่ที่ 2 ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120 ไทย

เบอร์โทรติดต่อ :
  0851544249, 0851544249
E-mail :
 am_army@hotmail.com

ชื่อบัญชี :
 นางบุษกร พรดอนก่อ
เลขที่ บัญชี :
 0772091807
ประเภท บัญชี :
 ออมทรัพย์
ธนาคาร :
 ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
สาขา :
 กองบัญชาการกองทัพบก

วันที่ :
 Thu 7, Oct 2010 19:41:31
โดย : BUSAKO    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   Thu 7, Oct 2010 19:41:31
 
 
ประมูล ก้อนโคตรเหล็กไหล : พระล้านนา.คอม เว็บ พระเครื่อง พระบูชา อันดับหนึ่ง ของภาคเหนือ ออกแบบเว็บไซต์โดย 2WinWeb design บริการรับทำเว็บไซต์
Copyright Pralanna.com All right reserved. © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายโดย บริษัท พระล้านนาดอทคอม จำกัด.