ใบ โพธิ์ก็เหมือนใบไม้ทั่วๆ ไปคือมีด้านหน้าใบกับด้านหลังใบ ด้านหน้าใบคือด้านที่เป็นมันเลื่อม เป็นด้านที่พืชใช้สังเคราะห์แสง หากใบโพธิ์ใบใดร่วงหล่นจากต้นตกลงพื้นดิน โดยหน้าใบคว่ำประกบกับพื้นดิน ให้ถือว่าใบโพธิ์ใบนั้นเป็นตัวแทนของผู้ชาย ในทางตรงกันข้าม หากใบโพธิ์ใบใดหล่นลงพื้นแล้ว หงายเอาด้านมันขึ้นก็ให้ถือว่าใบโพธิ์ใบนั้นเป็นตัวแทนของผู้หญิง ให้เก็บเอามาใช้ได้ โบราณกำหนดวิธีการเลือกใบโพธิ์ไว้เท่านี้ ไม่ได้กำหนดให้ต้องเอาใบโพธิ์ที่หล่นลงมาประกบกัน เพราะว่าโอกาสที่ใบโพธิ์จะหล่นมาประกบกันอย่างที่ว่าคงจะมีน้อย
เชื่อ ว่าเคล็ดวิธีการใช้ใบโพธ์คว่ำให้แทนผู้ชายใบโพธ์หงายให้แทนผู้หญิง คงจะมีความหมายหรือเป็นลักษณะของการกดทับ มีฤทธิ์ในทางการข่มจิตข่มใจ (จูงใจ) ให้เป็นไปตามอานุภาพของยันต์หนีบ เพราะถ้าเราอยากให้คนนั้นรักเรา เราก็ต้องข่มทับเขาไว้ ผู้เฒ่าผู้แก่บางท่านตั้งข้อสังเกตไปไกลถึงท่วงท่าการสังวาสของหญิงชาย อันนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าโบราณาจารย์ท่านมีเหตุผลอันใดแน่
ราย ละเอียดเรื่องการเลือกเก็บใบโพธิ์อาจจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง บางตำราว่าให้เก็บใบโพธิ์ที่กำลังปลิดขั้วหล่นแต่ยังไม่ตกถึงพื้น ตำรานี้อาจจะไม่สอดคล้องกับรายละเอียดอย่างอื่น เช่น การเลือกใบคว่ำแทนผู้ชาย ใบหงายแทนผู้หญิง เพราะใบโพธิ์ที่หล่นยังไม่ถึงพื้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นใบโพธิ์คว่ำหรือหงาย ด้วยเหตุนี้ตำราก็บอกให้เก็บใบโพธิ์ที่หล่นใหม่ๆ จึงเป็นที่นิยมกันมากกว่า
เมื่อ ได้ใบโพธิ์ตามตำราดังกล่าวมาแล้วก็เอามาตัดให้ได้ขนาดพอที่จะสอดเข้าไปใน ยันต์หนีบได้ จากนั้นก็เอาใบโพธิ์มาเขียนชื่อ โดยใบโพธิ์คว่ำ (โพธิ์ผู้ชาย) ให้เอามาเขียนชื่อและวันเดือนปีเกิดของผู้ชาย ส่วนใบโพธิ์หงาย (โพธิ์ผู้หญิง) เขียนชื่อและวันเดือนปีเกิดของผู้หญิง วิธีการเขียนชื่อก็แค่ใช้ปากกาธรรมดาเขียนชื่อ และวันเดือนปีเกิด ลงบนด้านมัน ให้มองเห็นได้ขัดเจน จากนั้นเอาใบโพธิ์ทั้งสองใบประกบให้ด้านที่เขียนชื่อติดกัน เวลาสอดใบโพธิ์เข้าไปในยันต์หนีบ ให้ใบโพธิ์ผู้หญิงอยู่ด้านล่าง ใบโพธิ์ผู้ชายอยู่ด้านบน ระวังอย่าให้สลับกัน เพราะมิเช่นนั้น จะกลายเป็นว่าฝ่ายชายหลงใหลฝ่ายหญิงจนหัวปักหัวปำมากกว่าเดิม สรุปง่ายๆ ก็คือคนที่โดนเขียนชื่อทับอยู่ข้างล่างจะต้องหลงคนที่ทับอยู่ข้างบน
|