ผู้ใดมีมงกุฎพระพุทธเจ้า ผู้นั้นจะมีดวงตาเห็นธรรม และจะไม่ติดอยู่ในข่ายแห่งบ่วงมาร

   เป็นคาถาธรรมของครูบาขันแก้วที่จารึกไว้ที่ล็อคเก็ตรุ่น2และรูปถ่ายอิริยาบทยืนถือไม้เท้าในคราวที่หนังสือลานโพธิ์ ขออนุญาต ครูบาขันแก้วทำรูปถ่ายนี้แจกแก่ผู้ที่ซื้อหนังสือลานโพธิ์เมื่อปีพ.ศ.2526 และบางส่วนก็นำมามอบให้ครูบาขันแก้วท่านแจกแก่ผู้ที่มากราบสักการะท่าน ตามอัธยาศัย

ทำไมครูบาขันแก้วท่านจึงยกย่อง “ มงกุฎพระเจ้า” นั่นเป็นเพียงการยกย่องแนวทางการการปฏิบัติธรรม ให้หลุดพ้นเปรียบเสมือนผู้ที่ได้ มงกุฎแห่งพระพุทธเจ้า ที่มีทั้งปัญญา สมาธิ การหลุดพ้นแห่งกิเลสทั้งปวง แต่......

คาถา และ ตะกรุดที่ชื่อว่า “มงกุฎพระพุทธเจ้า” นี้ล่ะ

   นับจากอดีตพระเถราจารย์ทั้งหลาย ท่านก็กล่าวยกย่อง คาถา และพระยันต์ที่ชื่อว่า “มงกุฎพระพุทธเจ้า”นี้เช่นกัน ไม่ว่าจะตามตำราไหนๆทั่วทั้งประเทศไทย เหนือ กลาง อีสาน หรือภาคใต้ จะมียันต์ และบทสวดพระคาถาที่ชื่อว่า “มงกุฎพระเจ้า”ทั้งสิ้นและไม่อาจสืบที่มาได้ว่า รูปแบบยันต์ การเดินเส้นยันต์ และการเดินอักขระของยันต์มงกุฎพระเจ้านี้ ครูบาอาจารย์ท่านใดได้คิดค้นยันต์นี้ขึ้นมาครั้งแรก และคิดค้นเป็นรูปแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว  

“มงกุฎพระพุทธเจ้า”ตามพระคาถาว่า

 อิติปิโสวิเสเสอิ       อิเสเสพุทธะนาเมอิ   

อิเมนาพุทธะตังโสอิ     อิโสตังพุทธะปิติอิ

คาถานี้บางตำราเรียกว่า “อิติปิโสเรือนเตี้ย”ที่ถอดมาจากพระคาถา “อิติปิโสรัตนะมาลา”( อิติปิโสรัตนะมาลานี้ ยังถอดเป็นคาถา อิติปิโสฯอีก108อย่าง)

และที่ขึ้นชื่อลือชาทั่วทั้งประเทศไทยก็คงจะหนีไม่พ้น ตะกรุด “มงกุฎพระพุทธเจ้า” ของหลวงปู่ เอี่ยม  สุวณฺณสโร วัดหนัง(พระภาวนาโกศลเถระ) และคาถา มงกุฎพระพุทธเจ้า ที่มอบให้กับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5)ในคราวที่เสด็จประภาสยุโรป จนเกิดเหตุอัศจรรย์ และเล่าขานถึงพระเกียรติของพระพุทธเจ้าหลวง จนถึงทุกวันนี้

จะนับเป็นวาสนาก็ได้ครับ ที่ใครมีตะกรุด มงกุฎพระพุทธเจ้า ที่หลวงปู่เอี่ยม พระอาจารย์ของพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ไว้บูชากัน

     ในส่วนของรูปแบบยันต์ “มงกุฎพระพุทธเจ้า”นี้ หลายพื้นที่ แต่ละภูมิภาคจะเขียนรูปแบบยันต์แตกต่างกันออกไป ทั้ง เหนือ กลาง อีสาน ใต้ ก็จะแตกต่างกันออกไป บางตาราก็มีส่วนคล้ายกัน เพราะการสืบทอดมาหลายยุคจากรุ่นสู่รุ่น ดังที่เคยกล่าวในเรื่องยันต์ตางๆที่ผ่านมา ยิ่งในตำราปั๊บสาล้านนา มากกว่า 100 รูปแบบ แต่พุทธคุณนั้นเหมือนกัน ในตำราของครูบาขันแก้วท่าน ท่านจะเรียกยันต์นี้ว่า  “วิเสสชนะภัย” เป็นตำราที่ตีตารางเป็นช่องและเป็นตำราที่ครูบาขันแก้วเรียนมาจากปั๊บสาของโยมปู่ท่าน และตำรานี้มีส่วนคล้ายของพระอุปัชฌาย์ท่านครูบาแก้ว อินทจักรโก วัดป่าลาน บ้านธิ ลำพูน(สหธรรมที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยยกย่องรูปหนึ่ง และเป็น ศิษย์เอกครูบาหลวง วัดฝายหิน เชียงใหม่)    แต่ตำราทางภาคกลางและภาคใต้ส่วนมากจะเป็น รูปวงกลม

        บางคราวในพระเถราจารย์ทั้งหลายอาจจะเขียนพระคาถาแทน แล้วม้วน นั่นก็เป็นตะกรุดมงกุฎพระพุทธเจ้าแล้ว    และที่สืบรู้มาว่ามีพระเถราจารย์มากมายหลายท่านด้วยกันที่สร้างเหรียญหลังยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า หรือจะ จารอักขระลงแผ่นโลหะเป็นยันต์ก็ดี พระคาถาก็ดี เอาที่จำได้ตอนนี้นะครับ

1.หลวงปู่คร่ำ ยโสธโร วัดวังหว้า ระยอง

2. หลวงปู่ชม วัดโป่ง ราชบุรี

3.หลวงปู่คล้อย วัดถ้ำเขาเงิน ชุมพร

4.ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี เชียงใหม่

5.หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ชัยนาจ

6.ครูบา ดวงดี วัดบ้านฟ่อน เชียงใหม่

7.ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง

8.ครูบาอินตา วัดห้วยไช ลำพูน

9.หลวงปู่สุภา กตฺตสีโล วัดเขารัง ภูเก็ต

มีอีกมากมายเป็นร้อยอาจารย์ครับที่เขียนไม่หมด จะเห็นได้ว่า พระยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้านี้เป็นยันต์ที่วิเศษที่เหล่าบรรดาครูบาอาจารย์ท่านยกย่อง

พุทธคุณของยันต์ “มงกุฎพระพุทธเจ้า”

พระยันต์ลูกนี้มีค่ามากนักสุดแต่อธิฐานใช้ นำตะกรุดนี้แช่น้ำอาบท่องคาถา108จบ อาบรักษาคนที่โดนของคุณไสยทุกชนิด ใครมีไว้จักจำเริญด้วยอายุไร้โรคภัยอันตรายทั้งปวง เข้าสงครามเป็นคงกระพัน กระสุน หอก หลาว ลูกดอกมาดุจห่าฝน จะไม่ทำอันตรายได้เลย เป็นที่รักของมนุษย์ทุกคน ทำน้ำมนต์รดสินค้า จะค้าขายมั่งมีกว่าคนทั่วไป ทำน้ำพระพุทธมนต์ไล่ผี บูชาเถิดจักเกิดอานิสงค์มากนัก เป็นก่าสะท้อน มหาสะท้อนได้วิเศษ พุทธคุณประเสริฐนัก ตามตำราว่าอย่างนั้น

        ครูบาขันแก้ว ท่านยกย่องพระยันต์ และพระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้านี้คู่กับยันต์ดาบสรี๋กัญชัย ว่ามีพุทธคุณมาก ในคราวที่ครูบาท่านยังอยู่ เวลาท่านจะเปิดห้างร้าน เจิมหน้าผาก เป่าหัว เจิมป้าย มัดข้อมือสายสินธุ์ ท่านก็มักจะเขียนพระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้าอยู่เสมอ

                         สมดังที่ว่า “ยอดพระคาถายันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า”