กาสะท้อน               ก่าสะท้อน         ก๋าสะท้อน

เป็นตะกรุดยอดนิยมล้านนา ไม่ว่าจะสำนักใดที่ขึ้นชื่อจะต้องมียันต์ หรือตะกรุดพอกครั่งที่ชื่อว่า กาสะท้อน ก่าสะท้อนด้วยทุกที่

ตะกรุด กาสะท้อน  ที่ผมนำมาให้ท่านผู้อ่านดูนี้เป็นตะกรุดประจำสำนักวัดสันพระเจ้าแดง โดยครูบาขันแก้วท่านเขียนเอง ณ ที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะทำให้ก็ต่อเมื่อมีคนมาขอให้ท่านทำให้เท่านั้น โดยที่ผมได้ถ่ายรูปตัวยันต์ลายมือครูบาขันแก้ว จากคณะศิษย์รัศมีพรหม โพธิโก เป็นบันทึกถึงความจริงว่าครูบาขันแก้วท่านได้ทำไว้จะมีอยู่แค่4แบบ

ถ้าจะนับกันจริงกับตำรา กาสะท้อน ก่าสะท้อน ทางภาคเหนือ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา น่าน แพร่  รวมไปถึงพม่า มีเป็นพันๆตำราการสร้างครับ ไม่ว่าจะเป็นยันต์ หรือคาถาใด ที่เหล่าครูบาอาจารย์ท่านร่ำเรียนและใช้ได้ผลมา ท่านจะสืบทอดต่อๆกันมาเพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของสำนักนั้นๆ

      เข้าใจว่าการตู้(ทำคุณไสย) การเลี้ยงผีให้มาทำอันตราย การบนบาน การสาปแช่ง หรืออะไรก็ตามที่เป็นภัยคุกคามชีวิตโดยที่ผู้ที่ถูกกระทำไม่อาจสามารถเห็นด้วยตาเปล่า เหล่านี้ มีมานานนับหลายร้อยปี เลยต้องมีคาถา หรือยันต์มาแก้การทำคุณไสย การทำเทียนแก้คุณไสย แก้การโดนของ เรื่อยมา เมื่อมาถึงยุคที่มีอาวุธปืนในการทำร้ายกัน  ก็เลยจำต้องเพิ่มคาถาเข้าไปให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปอีกจนต่อยอดเป็นยันต์ก่าสะท้อนปืน ยิงไม่ออก ก่าสะท้อนกลับ(มหาสะท้อน) ยาวจนไปถึงเกี่ยวกับมหาอุตย์ ขอบอกนะครับ ว่า ตะกรุด กาสะท้อน มีไว้สะท้อนการตู้คุณไสย สะท้อนปืน การสะท้อนมีอยู2 แบบคือ

1.สะท้อนออกไม่ หรือป้องกันไห้โดนตัว(ภาคเหนือเรียกว่า กั้งก่า)   

 2.สะท้อนกลับไป ให้โดน ผู้ที่กระทำกับเรา

ไม่ได้เกี่ยวกับดวงตก หรือพลิกชะตาจากร้ายเป็นดีหรืออยู่ยงคงกระพัน พุทธคุณแห่งตะกรุดที่ชื่อว่า กาสะท้อน หรือ ก่าสะท้อน ไม่ได้มีครอบคลุมชนิดที่ว่า สุดแล้วแต่ อธิฐานครอบคลุมจักรวาล เป็นแบบนั้นก็คงเป็นพญาแห่งยันต์ที่คนล้านนาหรือปั๊บสาตำราโบราณท่านกล่าวไว้แล้ว ถ้าเป็นที่สุดแห่งยันต์ล้านนา แล้วจะมีตำรา กาสะท้อนหลายๆตำราทำไม ทำไมไม่เขียนยันต์แบบเดียวกัน หรือคล้าย ไปเลยล่ะครับ เพราะตำรากาสะท้อนบางตำราก็จะมีกลเม็ดแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่ที่ว่าครูบาอาจารย์ท่านนั้จะแตกฉานตำราเพียงใด

ผมจะไม่ขอเอ่ยรายนามหลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ต่างๆนะครับที่ท่านสร้างตะกรุดกาสะท้อน หรือ ก่าสะท้อน เพราะมีมากมายมหาศาลทุกสำนักตั้งแต่ อดีตจนถึงปัจจุบัน

แต่ผมจะขอพูดถึงประเด็นตะกรุด กาสะท้อน ก่าสะท้อน ของครูบาขันแก้ว และของ ครูบาชุ่ม โพธิโก เท่านั้นนะครับ ครูบาอาจารย์เหล่านี้เป็นที่นับถือของทุกๆคนตลอดจนถึง คณะศิษย์รัศมีพรหม ที่ครูบาชุ่ม ท่านได้เมตตามอบฉายาว่า “โพธิโก” มาเป็นชื่อของ คณะศิษย์ รัศมีพรหม โพธิโก โดยการนำของ อาจารย์หมอ สมสุข คงอุไร

ตะกรุด กาสะท้อน ตำราของครูบาขันแก้วเอง ท่านว่ามีเป็นสิบๆกว่าตำรา แต่ที่ท่านได้เมตตาทำไห้ มีแค่4 ยันต์ ท่านเห็นว่า ง่าย และเขียนเร็วดี ท่านจะไม่พิธีรีตองอะไรมานัก(ลองถามคนที่ใช้ชื่อว่า ปฐมนาม พี่ณรงค์ชัย หรือพี่เอ๋ ทนายความแห่งเมือง พระปฐมเจดีย์ ผู้ที่เคยปรณิบัติครูบาขันแก้ว และเห็นการปลุเสกของครูบาขันแก้วมานับครั้งไม่ถ้วน) ยกเว้น จะมีลูกศิษย์มาเขียนตารางไห้ท่าน แล้วท่านก็ลงอักขระแล้วก็ปลุกเสกให้เท่านั้นครับ

ครูบาขันแก้วท่านสร้างตะกรุดครั้งแรกในชีวิตท่านคือ ตะกรุด สรี๋กัญชัย ในปี พ.ศ.2520 เมื่ออายุ  78 ปี และในปีต่อมา ท่านได้สร้างตะกรุดต่างๆตามตำราที่มีอยู่ในวัดสันพระเจ้าแดงเอง และครูบาชุ่มนำมามอบให้ หลายอย่างมากครับ เพื่อเป็นการสืบทอดตำราวิชา คาถา อาคมให้คงอยู่ ตะกรุด กาสะท้อน ท่านก็ได้สร้างขึ้นครั้งแรกปี 2521- 2525 จำนวนไม่มากเท่าไหร่(ถ้านับจากคำบอกเล่าของครูบาขันแก้วเองว่า มีประมาณ 200 ดอกเห็นจะได้)โดยส่วนมากท่านจะทำเป็นยันต์แบบชนิดที่4(แบบรูปยันต์ที่ลงไห้ชม) เพราะว่าง่ายดี อ่านว่า

“ ก๋าลัง ก๋าเลนะ วิสะติ๋ ยะโข๋ ธะนัง” (ยันต์ กาสะท้อนชุดนี้ครูบาขันแก้ว ท่านได้รับมอบมาจาก ครูบาชุ่ม โพธิโกที่ครูบาชุ่ม สืบตำรามาจาก พระมหาเมธังกร วัดน้ำคือ จ. แพร่) ส่วนแบบที่ 1.2.3 ท่านก็ทำบ้างเป็นบางครั้ง โดยตะกรุดกาสะท้อนครูบาขันแก้วจะมอบให้ลูกศิษย์ทางกรุงเทพฯ ปราจีนบุรี สมุทรปราการ เสียส่วนใหญ่ เพราะบรรดาศิษย์เหล่านั้นได้อ่านชีวประวัติครูบาขันแก้ว จากหนังสือ ลานโพธิ์ (โดยคุณลุงแล่ม จันพิศาโล) จึงเกิดศรัทธา ได้เหมารถมากราบ ฝากตัวเป็นศิษย์ของครูบาขันแก้วและขอของดีกัน  คนบ้านสันพระเจ้าแดง หรือระแวกนั้นก็ได้บ้างเป็นบางคนที่มาขอ

****ที่สำคัญ ตะกรุดครูบาขันแก้ว100% ไม่ได้พอกครั่ง  ยกเว้น ตะกรุดหนังลูกควายตายพลาย ที่ต้องทำตามตำราครูบาชุ่ม เท่านั้น( ตะกรุดหนังสร้างครั้งเดียวในปี พ.ศ.2524แค่40ดอก)*************

   ส่วนในกรณี ตะกรุด กาสะท้อน ของครูบาชุ่ม ท่านบอกเองว่า ไม่ได้สร้าง เพราะท่านเสก ลงตะกรุดหนัง ตะกรุดปรอท รวมไปถึงวัตถุมงคลอื่นๆ ที่ท่านได้ปลุกเสก ท่านก็ลงคาถา กาสะท้อนไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีคนเข้าใจว่าท่านทำตะกรุด กาสะท้อน......(เพราะความเก่าของครั่ง อะลูมิเนี่ยมขาปินโต เลยมีคนเหมาตีว่าเป็นของครูบาชุ่ม เพื่อได้ราคา...แล้วแต่ครับ)

เลยตั้งประเด็นข้อสงสัยว่า...

1. ถ้าครูบาชุ่ม ท่านทำจริงไม่ว่ายุคไหนๆก็ตาม ลูกศิษย์ท่านคือพ่อหนานปั๋น จินา หลานแท้ๆครูบาชุ่มเอง ท่านทำมาให้บูชากันแล้ว...................( ผมเลยไปถามพ่อหนานปันเมื่อคราวมีงานปอยหลวง สร้างพิพิธภัณฑ์ครูบาชุ่ม 9 มิถุนายน2554 เวลา10.47 น. และพ่อหนานปันท่านพูดเองว่า ครูบาชุ่มท่านไม่ได้สร้าง ถ้าครูบาชุ่มสร้างพ่อหนานก็ต้องได้เขียนในสมัยที่ครูบายังสอนให้พ่อหนานท่านใหม่ๆเมื่อ40-50 และคงจะต้องเขียนต่อมาจนถึงปัจจุบัน )

2.แล้วจะพอกครั่งทำไม.....แค่ม้วนก็พอเพราะตะกรุด กาสะท้อนทำง่ายกว่าตะกรุดหนังหลายร้อยเท่า แต่หลายๆท่านว่าครูบาท่านทำในยุคต้น...ได้มากับมือ เพราะครูบาเสกให้...(ถามว่ารู้หรือครับว่าเขาเขียนยันต์อะไรไว้ แต่..อ้างว่า เป็น กาสะท้อน ) ตะกรุดพอกครั่งเองที่ต่างๆครูบาชุ่มท่านก็พูดเองว่า มีเป็นสิบๆวัดที่ทำแบบนี้ แต่คนก็เหมาตีเป็นครูบาชุ่ม

3.ที่อ้างว่า ตะกรุดครูบาชุ่ม หายาก หายากมาก แต่ขอถามย้อนท่านผู้อ่านใช้พิจารณาไปว่า ภายในหนึ่งอาทิตย์ แต่ละอาทิตย์ในเวปพระล้านนาแห่งนี้(ไม่รวมเวปเพื่อนบ้าน)มีตะกรุดพอกครั่ง หรือตะกรุดหนังครูบาชุ่มกี่ดอก (หายากตรงไหน)

       ก็แล้วแต่ครับ  ผมไม่อาจขัดความเชื่อของท่านผู้ซื้อและท่านผู้ขายได้ เพราะผมไม่มีส่วนใด้ส่วนเสียกับท่าน เงินเป็นของท่านแต่ที่ผมต้องออกมาปกป้องครูบาชุ่ม กับครูบาขันแก้ว เพราะว่า ถ้าคนที่บูชาไปเกิดเจอสิ่งที่ไม่คาดฝันเข้า ทำให้ถึงชีวิตหรือพิการ เขาไม่ได้โทษที่คนขายวัตถุมงคล แต่เขาจะกล่าวโทษครูบาชุ่ม และครูบาขันแก้ว ว่าไม่ดี และผู้ที่ศรัทธามาแต่ต้น อาจหมดศรัทธาในตัวครูบาทั้ง2เลยก็ได้ จะเป็นบาปแก่คนผู้นั้นเปล่าๆ

    ท่านทั้ง2เป็นครูบาอาจารย์พระอริยะสงฆ์ที่คนทั้งประเทศ ชาวคณะศิษย์รัศมีพรหม โพธิโก นับถือเป็นที่สุดเลยต้องออกมาปกป้องนิดหนึ่งครับ ไม่ได้หวังผลประโยชน์ใดใดตอบแทน หรือไม่ได้ขายของวัตถุมงคลเพื่อจะ อัพเกรดร้านค้าให้ดูดี ผมลงแบบนี้ เจ็บตัวครับเพราะอาจไปขัดผลประโยชน์ของบรรดาเซียนเครื่องราง ก็ต้องยอมเพื่อครูบาอาจารย์ และความจริงของท่าน ยันต์ต่างๆที่ผมเอาลงโชว์ ผมได้ค้นคว้าหาข้อมูลในที่ต่างๆ ทั้งในจังหวัดลำพูน เชียงใหม่ และต่างจังหวัด พ่อหนาน พ่อครูทั้งหลายที่มีชีวิตอยู่ ปั๊บสา ตำราล้านนาเก่าๆเพื่อ ให้ผู้อ่านได้เปรียบเทียบ ว่าไม่ได้มีแต่ที่ สำนักสันพระเจ้าแดง หรือครูบาขันแก้ว เท่านั้น แต่มีอีกหลายๆที่ อีกหลายๆยันต์เพราะเป็นภูมิปัญญาแห่งโบราณคณาจารย์ ผมต้องให้แน่ใจก่อนถึงจะเอาลงมาโชว์ให้ความรู้กัน ผมก็ไม่ได้ยัดวัด หรือว่าเป็นของครูบาใดๆ ที่ผมลงโชว์ต่าง เพราะผมใด้มาจากครูบาอาจารย์แห่งคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโกและที่มีการบันทึกที่แน่นอน ก็สุดแล้วแต่ท่านผู้อ่านจะพิจรณา

**อย่าลืมนะครับ ตำราทุกอย่าง ท่านมีครูมาแต่อดีต ถ้าท่านคิดดีถึงผลประโยชน์แห่งพระพุทธคุณของท่านผู้ศรัทธา และบูชาไป ถ้าเป็นของจริง ขอพรแห่งครูบาชุ่มจงปกป้องรักษาท่าน ค้าขายอันใดก็เป็นกำไรเจริญขึ้นด้วยอำนาจแห่งครูบาชุ่ม โพธิโก แต่ถ้าหากเป็นการกล่าวอ้างว่าเป็นครูบาชุ่ม หรือยัดเป็นของครูบาชุ่ม เพื่อที่จะขายไห้ได้กำไร ก็สุดแล้วแต่ครูบาชุ่มและครูแห่งยันต์ที่ประสิทธิ์มาแต่โบราณท่านเถอะครับ และเช่นกันครับ หากว่าผมทำแบบนี้ ให้ข้อมูลแบบผิดๆโดยเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเอง ขอให้ครูบาชุ่มและครูบาอาจารย์แห่งคณะศิษย์รัศมีพรหม โพธิโก ตั้งแต่ หลวงพ่อเชียงแสนพระพุทธรัศมีพรหมโพธิโก หลวงปู่พรหม ถาวโร ครูบาชุ่ม โพธิโก ครูบาอิทรจักรรักษา วัดน้ำบ่อหลวง ครูบาพรหมมา พรหมจักรโก และครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง ก็พิจรณาโทษผมเช่นกัน แต่ถ้าหากผมทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อเป็นการรักษาเกียรติครูบาอาจารย์แห่งรัศมีพรหม โพธิโก ขอให้ครูบาอาจารย์ทุกๆพระองค์ จงอนุโมธนาบุญประพรชัยให้ผมในครั้งนี้ด้วย ถึงแม้ว่าครูบาชุ่มท่านจะจากพวกเรานานแล้ว แต่ดวงวิญญาณอันศักด์สิทธิของครูบาท่านก็ยังคงเห็นอยู่

สุดท้ายนี้ขอให้ท่านผู้อ่านทั้งที่ตั้งใจ และบังเอิญเข้ามาเปิดเจอกระทู้นี้ ขอให้ท่านใช้หลัก "กาลามาสูตร"พิจารณาข้อมูลในทุกๆด้าน หากแม้นว่าท่านมีกุศลใดที่ใด้กระทำร่วมกับท่านครูบามา ไม่ว่าในชาติภพใดๆ หากชาตินี้ท่านปรารถนา ตะกรุด หรือวัตถุมงคลใดๆของท่านครูบาฯ ขอให้สมปราถนาทุกท่าน

      ผมขอมอบพระคาถา ก่าสะท้อน กาสะท้อน ของครูบาขันแก้ว ที่ได้จาก ครูบา ชุ่ม ให้นะครับ ว่า “ก๋าลัง ก๋าเลนะ วิสะติ๋ยะโข ธะนัง” 12คำ จำให้ขึ้นใจ  ครูบาท่านว่า แม้นไม่มีตะกรุดของครูบาท่าน แต่คาถานี้ก็ศักดิ์สิทธิ์นักคาถานี้กันตู้(คุณไสย) คุณผีคุณคนได้ตั้ง12ภาษา เพราการทำคุณไสยมีทุกที่ แม้นว่าโลกจะเจริญขึ้นเพียงใดก็ตาม แต่วิชาบางอย่าง บางวิชานี้ก็ยังอยู่ ตราบใดที่มนุษย์ยังพบไม่รู้แจ้ง การไม่ให้อภัยกัน ความอยากจะชนะกันและกันยังเกิดขึ้นอยู่ วิชาเหล่านี้ก็จะยังสืบต่อไป จะยังคงไม่ดับสูญ

และเตือนกันตรงนี้เลยนะครับ ว่า คาถา หรือยันต์กาสะท้อนนี้ใช้สำหรับสะท้อนสิ่งที่ไม่ดีที่คนอื่นทำกับเราเท่านั้น แต่ ถ้าเราไปคิดร้ายหรือทำไม่ดีกับคนอื่นท่านว่า ตัวเรานั่นแหละ ที่จะได้รับผลร้ายนั้นเสียเอง

                                               พบกันในตะกรุดต่อไปนะครับ