เสื้อยันต์สุคโตมหาวิเศษครูบาดอนตัน ยุคต้นๆตัวนี้ ตัวเสื้อเป็นผ้าด้ายดิบ ตัดเย็บด้วยมือเขียนด้วยหมึกดำ ความจริงแล้วเสื้อยันต์ต่างๆของทางร้านที่นำมาโชว์หรือให้เช่าบูชาไปนั้น บางครั้งทางร้านจะตั้งชื่อตามยันต์ที่ปรากฏในเสื้อ เสื้อยันต์แต่ละตัวนั้นไม่มีชื่อเรียกแต่อย่างใด เรียกว่าเสื้อยันต์แค่นั้น แต่ทางร้านนำมาตั้งชื่อเอง เหมือนเสื้อยันต์ครูบาดอนตันตัวนี้ที่ทางร้านตั้งชื่อว่า เสื้อยันต์สุคโตมหาวิเศษ
ในวันนี้ขอพูดถึงวัตถุมงคลของครูบาดอนตันในเรื่องเสื้อยันต์เพื่อให้หลายๆคน ได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ว่าทำไมเสื้อยันต์ครูบาดอนตันดูยังงั้ยว่าเป็นของท่าน ก่อนอื่นเรามาดูยุคการสร้างเสื้อยันต์ของครูบาดอนตันก่อน เพื่อให้เกิดความเข้าใจได้ง่าย เสืิ้อยันต์ของครูบาดอนตันทางร้านขอแบ่งยุคการสร้างเป็น2ยุคดังนี้ เสื้อยันต์ยุคแรกๆคือยุคก่อนปี2500 เป็นช่วงที่ครูบาดอนตันท่านมีอายุในช่วง50-60ปี เสื้อยันต์ของท่านในยุคนี้จะเป็น ผ้าด้ายดิบสีน้ำตาล ตัดเย็บด้วยมือเขียนด้วยปากกาหมึกสีดำ(น่าจะปากกาบิค) ยันต์ต่างๆที่ลงบนเสื้อยันต์นั้น ยันต์ค่อนข้างกว้าง(มียันต์ต่างๆมากมาย) ยังไม่มียันต์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่ตายตัวมากนัก แต่ก็มีบางยันต์ที่ท่านใช้เขียนเสื้อยันต์ยุคแรกๆจนถึงยุคหลังๆ นั้นเกิดจากที่ท่านได้เรียนตำรายันต์ต่างๆ แล้วนำยันต์ที่เคยศึกษามา นำมาเขียนลงบนเสื้อยันต์ที่ท่านสร้างทั้งหมด เหมือนกับว่าทดลองวิชาที่เรียนมา ว่ายันต์ตัวไหนที่ท่านถนัดและมั่นใจในยันต์นั้นๆ โดยปรกติแล้วเสื้อยันต์ยุคแรกๆนี้ ทางร้านจะไม่ค่อยได้นำออกให้เช่าบูชา เนื่องจากว่าหลายคนจะไม่คุ้นเคยกับยันต์ที่ท่านลงอาจจะสับสนได้ เสื้อยันต์ยุคแรกๆนี้ต้องเข้าใจบริบทหลายๆอย่าง ซึ่งต้องใช้ความชำนาญในการดูยันต์และประสบการณ์ที่เคยเห็นเสื้อยันต์ของท่านที่แท้ๆเป็นประจำ และเสื้อยันต์ยุคต่อมาคือยุคหลังปี2500 ช่วงที่ครูบาดอนตันมีอายุ60-80ปี เสื้อยันต์ยุคนี้จะเป็นผ้าหยาบสีขาว ตัดเย็บด้วยจักร เขียนด้วยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินและสีดำ เสื้อยันต์ยุคหลังปี2500 จะดูง่ายเนื่องจากว่า เป็นยุคที่จ.น่านเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ(ผกค.) เสื้อยันต์ของครุบาดอนตันจึงได้มีการสร้างออกมาจำนวนมากหลายๆตัวและเหมือนๆกันทำให้เปรียบเทียบได้ง่าย หมายความว่า(ทางร้านเคยได้อธิบายไปหลายครั้ง แต่ขออธิบายอีก) เมื่อท่านสร้างเสื้อยันต์จากการที่คนมาขอหรือท่านสร้างแจกให้คนพิเศษในช่วงนั้นๆ ถ้าทำเสื้อยันต์ออกมาพร้อมกัน สมมุติว่าสร้าง5ตัว ใน5ตัวแบบของเสื้อยันต์จะเหมือนกัน ลายมือที่เขียนยันต์(อาจเป็นลูกศิษย์เขียนให้หรือท่านเขียนเอง) ลายมือจะเป็นลายมือเดียวกันทั้งหมด ยันต์ที่ลงเสื้อยันต์ชุดนี้จะลงยันต์เหมือนกัน แต่ตำแหน่งที่ลงบนเสื้อแต่ละตัวอาจจะวางตำแหน่งต่างที่ไปบ้าง เพื่อให้เกิดเป็นเอกลักษณ์ของเสื้อแต่ละตัว ถ้าคนดูยันต์เป็นจะมองออกว่าเสื้อยันต์ทั้งหมดในชุดนี้ ยันต์จะเหมือนกันแต่วางตำแหน่งคนละที่เท่านั้นเอง และเสื้อยันต์ยุคนี้ ยันต์ที่ท่านลงจะเป็นยันต์ที่แคบลงมา จะเป็นยันต์ที่เป็นเอกลักษณฺ์และค่อนข้างจะใช้บ่อยๆ ทำให้เสื้อยันต์ยุคนี้จะดูง่าย และทางร้านจะให้เช่าบูชาเสื้อยันต์ในยุคนี้มากกว่าเพราะท่านจะดูง่ายกว่ายุคแรกๆ
ทีนี้มาดูเสื้อยันต์ตัวที่เป็นของครูบาดอนตันตัวนี้ ที่ทางร้านตั้งชื่อว่า เสื้อยันต์สุคโตมหาวิเศษ ว่าเป็นของครูบาดอนตันอย่างไร อันดับแรกมาพิจารณาจากตัวยันต์ที่ท่านลงก่อน เสื้อยันต์ตัวนี้ด้านหน้าตรงข้างบนขวาของเรา(อกซ้ายของเสื้อ) จะเห็นว่าลงยันต์ธงชัยที่ท่านคุ้นเคย เดิมยันต์นี้เรียกว่า ยันต์หัวใจกรรมวาจา ยันต์นี้ครูบาดอนตันท่านได้แต่งกลยันต์ขึ้นมาใหม่ เดิมยันต์นี้จะมีลักษณะคล้ายๆแบบนี้ ที่ทางร้านเคยพูดเสมอว่าครูบาดอนตัน ท่านเก่งอักขระเลขยันตฺ์มากๆ ท่านมักนำยันต์บางอย่างมาแต่งกลยันต์ขึ้นมาใหม่ ให้เป็นแบบฉบับของตัวท่านเอง และเป็นเอกลักษณ์ของท่านโดยเฉพาะ ดังจะเห็นยันต์หัวใจกรรมวาจานี้ ที่ท่านแต่งกลยันต์ขึ้นมาใหม่จากแบบดั้งเดิม โดยเรียกว่า ยันต์ธงชัย ที่เราได้เคยได้ยินในปัจจุบันี้ โดยท่านได้แต่งกลยันต์ขึ้นมาใหม่ โดยได้นำยันต์ไตรสรณ์คม(ทางร้านเคยย้ำยันต์ตัวนี้เสมอมา) ยันต์ฟากฟีกหรือยอดตาลหิ่น เข้าไปเขียนเพิ่มในกลยันต์กรรมวาจา จึงเป็นยันต์ที่ท่านแต่งขึ้นมาใหม่เป็นยันต์ธงชัย ฉบับครูบาดอนตันที่โด่งดังจนถึงทุกวันนี้ (เป็นหลักในการดูยันต์ธงชัยครูบาดอนตัน) ดังนั้นยันต์ธงชัยที่ท่านเขียนบนเสื้อยันต์ตัวนี้จึงเป็นยันต์ของครูบาดอนตันฉบับของท่านที่ไม่เหมือนใคร(ยุคหลังๆหลายๆครูบาอาจารย์ทางน่านได้นำยันต์ธงชัยครูบาดอนตันไปเขียนเพราะเป็นยันต์ที่โด่งดัง)
ที่นี้แค่นี้ยังไม่พอเพื่อให้เกิดความมั่งใจขึ้นไปอีก มาดูยันต์ตรงด้านบนซ้ายมือของเรา(อกขวาของเสื้อ) ยันต์นี้ชื่อว่า ยันต์สุคโตมหาวิเศษ ที่ทางร้านนำมาตั้งเป็นชื่อของเสื้อยันต์ตัวนี้ ยันต์สุคโตมหาวิเศษนี้ ยันต์ตัวนี้ความจริงมีแค่ยันต์วงกลมตรงกลางที่วงกลมใหญ่ๆเพียงอันเดียวเท่านั้น สำนักอื่นๆที่นำยันต์สุคโตมหาวิเศษไปเขียนก็จะมีแค่ยันต์ลูกเดียว ยันต์ที่ล้อมทั้งหมดไม่ใช่ชุดยันต์สุคโตมหาวิเศษแต่อย่างใด แต่เป็นชุดยันต์เมฆบังวัน หอกแสนเล่ม หน้าไม้แสนเกี๋ยงฯลฯ ที่ครูบาดอนตันนำมารวมกับยันต์สุคโตมหาวิเศษ อย่างที่ทางร้านบอกไว้แต่แรกๆ ที่ครูบาดอนตันท่านมักจะแต่งยันต์ขึ้นมาใหม่ให้เป็นฉบับของท่าน ยันต์สุคโตมหาวิเศษที่ปราฏกในเสื้อยันต์นี้เหมือนกัน ที่ท่านนำยันต์2แบบมารวมแล้วแต่งเป็นกลยันต์ใหม่ ยันต์สุคโตมหาวิเศษนี้ยังปรากฏในผ้ายันต์เขียนมือที่ทางร้านได้โชว์ไว้ ในรายการที่75 ร้านพุทธคุณเมืองน่าน(ร้านแรก) ไปดูได้ จะเห็นได้ว่ายันต์สุคโตฯนี้ที่ปรากฏในเสื้อยันต์ตัวนี้เป็นแบบฉบับของครูบาดอนตันที่ไม่เหมือนใคร ส่วนยันต์ลูกอื่นๆนั้น ตรงด้านหน้าของเสื้อยันต์ลูกๆนี้จะไปตรงกับเสื้อยันต์ครูบาดอนตันที่ชื่อว่า เสื้อยันต์ดาบหอกแสนเล่ม ในรายการที่78 ของร้านพุทธคุณเมืองน่าน(ร้านแรก) ซึ่งเสื้อยันต์ทั้งสองตัวนี้ด้านหน้าจะลงยันต์เหมือนกันทุกประการ แต่ตำแหน่งที่ลง จะวางคนละตำแหน่งเท่านั้นเอง
ทีนี้มาพิจารณาด้านหลังของเสื้อยันต์ตัวนี้ ด้านหลังของเสื้อยันต์ตัวนี้ อย่างที่ทางร้านบอกไว้แต่แรกๆ เสื้อยันต์ยุคแรกๆของท่านยันต์จะกว้างเหมือนด้านหลังเสื้อยันต์ตัวนี้ ที่ลงยันต์ไม่ค่อยคุ้นเคยและท่านไม่ค่อยได้ใช้ ยันต์เอกตรงกลางหลังเสื้อ ยันต์นี้ทางร้านไม่รู้ว่าชื่อยันต์อะไร อันนี้ไม่รู้จริงๆ ส่วนยันต์เอกอีกอันหนึ่งที่ถัดลงมาข้างล่างจะเป็นยันต์ตาแแหล๋วหลวง ยันต์ตัวนี้ครูบาดอนตันก็ไม่ค่อยได้นำมาใช้กัน แต่ว่ายันต์ทั้งหมดตรงด้านหลังเสื้อผืนนี้ จะไปตรงกับเสื้อยันต์ครูบาดอนตันอีกผืนที่โชว์ไว้ในพิพิธภัณฑ์วัดดอนตันครับ
ทีนี้มาดูว่าเสื้อยันต์ตัวนี้มีลักษณะเหมือนเสื้อยันต์ของทางร้านตัวไหนบ้าง เสื้อยันต์สุคโตมหาวิเศษตัวนี้ จะเหมือนกับเสื้อยันต์ดาบหอกแสนเล่มในรายการที่78 ของร้านพุทธคุณเมืองน่าน(ร้านแรก) จะเหมือนกันในรูปแบบของยันต์ที่ลงด้านหน้า ที่สำคัญรูปแบบของการตีตารางยันต์จะเหมือนกัน โดยรูปแบบการตีตารางยันต์นี้จะไปเหมือนกับเสื้อยันต์พระสิหิงค์หลวง ในรายการที่79 ของร้านพุทธคุณเมืองน่าน(ร้านแรก) ทำให้เสื้อยันต์ทั้งสามตัวเป็นการตีตารางยันต์เป็นแบบเส้นคู่(ดูที่เสื้อยันต์) ผ้าก็เป็นผ้าด้ายดิบเหมือนกัน ตัดเย็บด้วยมือเหมือนกัน หมึกที่ใช้เขียนก็หมึกดำเหมือนกัน ลายมือเดียวกัน ทำให้เสื้อยันต์ทั้งสามตัวสร้างในยุคเดียวกันและเกี่ยวพันกันครับ
เสื้อยันต์ครูบาดอนตันตัวนี้สภาพสมบูณ์ การวางยันต์ถือว่าวางได้สวย ดูเป็นระเบียบ มองแล้วสบายตาครับ
|