พระสมเด็จเนื้อผงน้ำมันหลังยันต์หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม พระอาจารย์ตั้วสร้าง ออกวัดทับขี้เหล็ก ปี 2533 จ.ชัยนาท พระอาจารย์ตั้วได้นำพระชุดนี้มาปลุกเสกที่วัดซับลำใย อีกหลายวาระ ร่วมทั้ง หลวงปู่หมุนได้เมตตาปลุกเสก ให้ในพิธีมหาสมปรารถนา ปี 43 เนื้อหามวลสารเข้มขลัง

พระอาจารย์สมุห์ภาสน์ (ตั้ว) มงฺคลสงฺโฆ หนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่หลวงพ่อกวย ให้ลูกศิษย์ไปหาหลังจากไม่มีท่านอยู่แล้ว

 เดิมท่านชือว่า สุริยทัศน์ สังข์มงคล ชื่อเล่นว่า ตั้ว เกิดเมื่อ๘ กันยายน ๒๔๙๘ ที่บ้านสี่แยกมหานาค เขตป้อมปราบ กรุงเทพฯ ท่านเป็นบุตรของคุณพ่อทิพย์-คุณแม่ชุ่ม สังข์มงคล มีพี่น้องรวม ๙ คน หญิง ๕ ชาย ๔ ท่านพระอาจารย์ตั้วเป็นบุตรคนที่ ๗ จบชั้นประถมฯ ที่โรงเรียนมงกุฏกษัตริยาราม จบชั้นมัธยมฯ ที่วัดปทุมคงคา ท่านบวชเป็นสามเณรกับหลวงพ่อป่วน วัดโพธิ์งาม ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท แต่ท่านมาจำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร วัดโฆษิตาราม ต.บางขุด อ.สรรค์บุรี จ.ชัยนาท

 ท่านได้กลับมาบวชเป็นพระภิกษุที่วัดเบญจมบพิตร เขตดุสิต กรุงเทพฯ เมื่อ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๑๙

 ☆ พระพุทธิวงศ์มุนี เป็นพระอุปัชฌาย์

 ☆ พระราชกิตติเมธี เป็นพระกรรมวาจาจารย์

 ☆ พระราชกิตติโสภณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

 ได้รับฉายาทางธรรมว่า พระภาสน์ มงฺคลสงฺโฆ

ท่านอยู่ที่วัดเบญฯได้๑อาทิตย์และเมื่อวันที่๔ กรกฏาคม ๒๕๑๙ ท่านได้เดินทางกลับไปจำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร จนกระทั้งหลวงพ่อกวยฯท่านได้มรณะภาพในอ้อมแขนของอาจารย์ตั้ว (อ.เฒ่าสุพรรณ เคยลงหนังสือนะโมว่า ลูกศิษย์ที่ไปหาหลวงพ่อกวยเมื่อเห็นท่านแล้วจะร้องไห้เพราะสงสารที่หลวงพ่อกวยฉันข้าวไม่ได้ผอมจนหนังหุ้มกระดูกแต่ละคนจะกลั้นต้ำตาไว้ไม่อยู่จน อ.ตั้วต้องไปบอกว่าให้ออกไปร้องข้างนอกเพราะหลวงพ่อจะไม่สบายใจเป็นห่วงลูกศิษย์) จากนั้นหลังจากที่หลวงพ่อกวยมรณะภาพแล้วท่านจึงมาจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์งาม เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๒๒ และมาจำพรรษาที่วัดถนนใหญ่ เมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๓๕ และมาจำพรรษาที่วัดโปร่งสวงคีรีวรรณ อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๓๖  และคุณโยมสละ-คุณโยมบุญเสริม นิลเดช ได้ซื้อที่ดิน ๑๐ ไร่ถวายกับ อ.ตั้ว ให้สร้างวัดซับลำใยสามัคคีธรรม ต.ซับจำปา อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี อ.ตั้ว เป็นเจ้าอาวาสเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๓๘ อ.ตั้วได้สร้างศาลาเพื่อเฉลิมพระเกรียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษ ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ และได้รับพระราชทานตราสัญลักษณ์ฯ เมื่อ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ ตามหนังสือสำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง กทม. ที่ รล ๐๐๐๓/๑๙๑๙๕ วางศิลาฤกษ์สร้างโบสถ์วัดซับลำใยเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๔๗ ตลอดระยะเวลาที่ท่านบวช อ.ตั้วได้ถือธุดงค์เป็นวัตร และเมื่อตอนที่ท่านออกธุดงค์ท่านเคยป่วยเป็นไข้ป่าเกือบสิ้นชีวิตมาครั้งหนึ่งแล้วที่ป่าน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ครั้งนั้นหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดรมาช้วยรักษาช้วยชีวิตท่านเอาไว้ท่านเลยนับถือหลวงปู่เทพโลกอุดรมากที่วัดก็มีรูปหล่อขนาดใหญ่ไว้ให้กราบไหว้ มาคราวนี้เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ท่านได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาลสงฆ์ และวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๘ ได้ย้ายจากโรงพยาบาลสงฆ์มาที่โรงพยาบาลพระมงกุฏโดยได้รับการช้วยเหลือจากนายทหารที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อสาลีโข(*สมภพ*) (อ.ตั้วท่านก็เป็นศิษย์ของหลวงพ่อสาลีโลตั้งแต่ยังไม่บวช) และวันที่ลูกศิษย์ได้สูญเสียร่มโพธิ์ร่มไทรที่ได้พึ่งพิงเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๔๘  อ.ตั้วท่านได้มรณะภาพด้วยอาการสงบด้วยโรคมะเร็งในตับ แต่ในความเป็นจริงนั้น อ.ตั้วท่านได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในตับมาหลายปีแล้วแต่ไม่ยอมบอกใครว่าป่วย ใช้สมาธิรักษาและกินยาสมุนไพรและน้ำสกัดอาการก็ไม่กำเริบ และท่านรู้ด้วยว่าถ้าปี ๒๕๔๘ ท่านไม่มรณะภาพท่านจะอยู่จนถึง ๙๐ ปี  ความดีใดที่ได้ลูกขออุทิศให้แก่พ่อตั้วตลอดไป จากศิษย์ปลายแถว