พระล้านนาดอทคอม แหล่งรวมพระเครื่องเมืองเหนือ

รูปหล่อเนื้อเงิน หลวงพ่อขวัญ ปวโร


รูปหล่อเนื้อเงิน หลวงพ่อขวัญ ปวโร


รูปหล่อเนื้อเงิน หลวงพ่อขวัญ ปวโร

ใหม่ กลับหน้าร้าน
ชื่อพระ :
 รูปหล่อเนื้อเงิน หลวงพ่อขวัญ ปวโร
รายละเอียด :
 
รูปหล่อเนื้อเงิน หลวงพ่อขวัญ ปวโร วัดบ้านไร่ จ. พิจิตร เจ้าตำรับแหวนตะกร้ออันลือลั่น มาพร้อมเลี่ยมเงินราคาแบ่งปันให้ครับ
ประวัติ พระครูพิมลธรรมานุศิษฐ์ (หลวงพ่อขวัญ ปวโร)
พระครูพิมลธรรมานุศิษฐ์ (หลวงพ่อขวัญ ปวโร) เดิมชื่อ ขวัญ หมอกมืด เกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2451 ที่บ้านไร่ หมู่ที่ 12 (ปัจจุบันเป็นหมู่ที่ 10) ตำบลสามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร บิดาชื่อ นายเหลือ มารดาชื่อ นางเอี้ยง มีพี่น้องร่วมสายโลหิตจำนวน 4 คน เป็นชาย 2 คน เป็นหญิง 2 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 1 อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2470 ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุได้ 20 ปี อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบ้านนา โดยมีพระครูศีลธรารักษ์ (หลวงพ่อยิ้ม) วัดท่าหลวง พระอารามหลวง เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีพระอาจารย์ชิต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ฟัก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา ปวโร ท่านจบการศึกษาชั้นสามัญระดับประถมศึกษาปีที่ 6 สอบได้นักธรรมโทได้รับสมณศักดิ์ที่ พระครูพิมลธรรมานุศิษฐ์ ในปี พ.ศ. 2542 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสามง่าม (กิตติมศักดิ์) และเจ้าอาวาสวัดเทพสิทธิการาม ตำบลสามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร
คำพูดที่ฮือฮามากในช่วงนั้น(20 กว่าปีมาแล้ว) คือคำพูดของหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่คนพิจิตรมักจะพูดถึงคือ มีคนพิจิตรไปกราบหลวงพ่อเกษมแล้วหลวงพ่อเกษมพูดว่า "มาทำไมถึงที่นี่ ที่พิจิตรก็มีหลวงพ่อขวัญ" ประโยคนี้แม้แต่ "คุณฉวีวรรณ ขจรประศาสน์" ภริยาท่านพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ยังเคยพูดกับผมในช่วงนั้นเลย ซึ่งช่วงนั้นเสธฯหนั่นกำลังเป็น ม.ท.1 ด้วย คุณฉวีวรรณเล่าให้ผมฟังว่า "ป้าได้ไปกราบหลวงพ่อขวัญมาแล้ว ไปเช่าแหวนท่านมาด้วย หลวงพ่อเกษมยังบอกให้ไปกราบหลวงพ่อขวัญเลย" (ผมเพิ่มเติมว่าหลวงพ่อขวัญท่านเคยไปเรียนวิชาทำน้ำมันสมุนไพรคุณพระรักษา ที่ จ.ลำปาง ครับ) ครั้งหนึ่งมีพิธีปลุกเสกพระหลวงพ่อเงิน ที่วัดบางคลาน ผมมีโอกาสได้รับ-ส่งหลวงพ่ออุตตมะจากสนามบินพิษณุโลกและวัดบางคลาน(ทำให้มี บุญได้พาหลวงพ่อมาพักผ่อนที่บ้านหลังเสร็จพิธีด้วย) ในครั้งนั้นผมจึงถวายแหวนหลวงพ่อขวัญเป็นที่ระลึกกับหลวงพ่ออุตตมะด้วย หลังจากนั้นผมได้ไปกราบหลวงพ่ออุตตมะที่พุทธมนฑลสาย 2 หลวงพ่อหยิบแหวนหลวงพ่อขวัญแล้วพูดกับผมว่า "ของดีนะ" แล้วท่านก็เอาแหวนของหลวงพ่อขวัญมอบให้กับลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดกับท่าน โดยใส่แหวนให้ที่นิ้วด้วยมือของหลวงพ่อเอง แต่ปรากฏว่าแหวนหลวมไป หลวงพ่อท่านก็หาด้ายมาพันที่ท้องวงแหวนให้ เมื่อหลวงพ่อพันด้ายเสร็จก็เอาแหวนมาใส่ให้ด้วยมือของท่านเองอีก คราวนี้ใส่ได้พอดี หลวงพ่ออุตตมะท่านยิ้มแล้วบอกว่า "ของดีนะใส่ติดตัวไว้นะ" แค่นี้ก็คงพอแล้วนะครับ แต่เท่าที่ทราบก็ยังมีครูบาอาจารย์อีกหลายองค์ที่พูดถึงหลวงปู่ขวัญอีกเช่น หลวงปู่ครูบาหล้าตาทิพย์, หลวงพ่อแพ, หลวงพ่อฤาษีลิงดำ(หลวงพ่อท่านมอบข้าวตอกพระร่วงให้หลวงพ่อขวัญด้วย) แต่บังเอิญผมไม่มีข้อมูลอ้างอิงครับ ท่านที่มีข้อมูลตรงนี้กรุณาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ
หลวงปู่ขวัญเล่าเรื่องตะกรุด หลวงปู่เล่าว่า "ฉันทำตะกรุด ฉันก็ทำไปตามตำรา มารู้ว่าเป็นจริงตามตำราก็เพราะว่ามีคนที่ฉันให้ตะกรุดเขาไปเขามาเล่าให้ฟัง ว่า เขาเป็นพัสดีคุมนักโทษแล้วมีเรื่องเกิดขึ้น คือนักโทษมันแหกคุกหนีออกมา เขาก็ไล่ตามจับ นักโทษมันมีปืนมันก็หันเอาปืนมายิงเขา เขาก็เอาปืนยิงไปที่นักโทษบ้าง ยิงกันไปยิงกันมาอยู่อย่างนั้นปรากฏว่าไม่มีใครโดนลูกปืนเลย"(ผมขอเสริมว่า ตะกรุดของหลวงปู่จะคลาดแคล้วทั้งสองฝ่าย เพื่อไม่ให้มีเวรมีกรรมต่อกัน) "มีคนคนหนึ่งคนนี้เขายิงปืนแม่นมาก เขาอยากลองตะกรุดของฉัน เขาจึงเอาตะกรุดไปผูกไว้ที่คอไก่แล้วก็ยิงไก่ ปรากฎว่าลูกปืนไปถูกเชือกที่ผูกตะกรุดขาด ตะกรุดจึงหล่นหายไปเลย หาเท่าไหร่ก็ไม่พบส่วนไก่ไม่เป็นอะไร เขามาเล่าให้ฉันฟังแล้วมาขอตะกรุดฉัน นอกจากฉันไม่ให้ตะกรุดเขาแล้วยังตำหนิเขาด้วย"
หลวงปู่ขวัญเล่าเรื่องพระกริ่ง พระกริ่งพิมพ์รูปเหมือนของท่านที่ตัดรุ้งขาดได้
หลวงปู่เล่าว่า "ฉันได้ตำราสร้างพระกริ่งปวเรศมา พระกริ่งนี้ตัดรุ้งขาดได้ ฉันจะสร้างพระกริ่ง" ผมได้ยินตอนนั้นหูผึ่งเลยติดตามข่าวอย่าง ใกล้ชิดตลอด จนใกล้วันออกพรรษาหลวงปู่พูดกับผมว่า "ฝนมันตกแล้วแต่ยังไม่เห็นมีรุ้งสักที" ผมได้ฟังแล้วยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หลวงปู่เมตตาพูดแบบนี้ให้ฟัง ผมรู้ว่าคืออะไร และไม่กล้าที่จะถามอะไรท่านต่อไป เรื่องพระกริ่งนี้ป้าเป้าซึ่งเป็นหลานหลวงปู่และเป็นคนจำหน่ายวัตถุ มงคลให้กับวัดบอกว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะว่าหลวงปู่ท่านกำหนดราคาพระกริ่งเองว่าให้จำหน่ายองค์ละ 1,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่แพงมากสำหรับหลวงปู่ เพราะขนาดพระที่จำหน่ายอยู่ราคาแค่ 50 บาท หลวงปู่ยังบ่นว่า "ทำไมไปเอาเขาแพงจัง"
ปาฏิหาริย์หลวงพ่อขวัญ ผมได้คุยกับคนคนนี้เองเลย เขาชื่อสิบเอกสมพงษ์ ปัญญาพิมพ์ ตอนนั้นเป็นทหารอยู่ที่ลพบุรี เขามากราบขอบคุณหลวงปู่ ซึ่งได้ช่วยชีวิตเขาไว้โดยรายนี้เป็นพลร่มป่าหวาย ไปฝึกโดดร่มบังเอิญร่มขาดกลางอากาศร่วงลง ในตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่อะไรนอกจากแหวนตะกร้อหลวงพ่อขวัญเท่านั้น เขาจึงเชื่อว่าหลวงพ่อขวัญเป็นผู้ช่วยชีวิตเขา ตอนนั้นเขาเพิ่งออกจากโรง พยาบาลกระโหลกเขายังไม่เต็มเลย ยังเห็นสมองเต้นตุบๆ ที่ศรีษะของเขา ผมถามว่าถ้าปรกติกรณีแบบนี้จะเป็นอย่างไร เขาบอกว่า "เอาปิ๊ปเก็บเศษเนื้อของผมได้เลยครับ" รายละเอียดจาก คมชัดลึก
นางมาลัย ปัญญาพิมพ์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127/79 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จ.พิษณุโลก เล่าถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ขวัญว่า เมื่อประมาณปี 2539 จ.ส.อ.สมพงษ์ ปัญญาพิมพ์ อายุ 41 ปี สามี ซึ่งเป็นทหารสังกัดกองทัพน้อยที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จ.พิษณุโลก ไปฝึกหลักสูตรเปลี่ยนแบบร่มที่ จ.ลพบุรี โดยขณะฝึกนั้นสามีโดดร่มลงมาจากเครื่องบิน และเมื่อมาถึงระยะ 5,500 ฟิต สามีกระชากร่ม แต่ร่มไม่กางออก แม้แต่ร่มช่วยก็ไม่ทำงาน "ตอนนั้นสามีบอกความรู้สึกได้เพียงว่า คงไม่รอดแน่ เนื่องจากระยะที่สูงมาก จึงเพียงนึกถึงหลวงปู่ขวัญและคุณพ่อคุณแม่ โดยในตัวมีเพียงแหวนรุ่นหัวสิงห์ของหลวงปู่ขวัญเท่านั้น หลังจากนั้นก็เก็บคองอเข่าตามหลักสูตรที่เรียนมา เมื่อตกมาถึงพื้นก็หมดสติไป" นางมาลัย กล่าว นางมาลัย ยังกล่าวอีกว่า เพื่อนทหารช่วยกันนำสามีส่งโรงพยาบาล โดยแพทย์บอกว่า ให้ทำใจ เพราะโอกาสที่รอดมีน้อยมาก หรือหากรอดชีวิตก็มิสิทธิเป็นคนปัญญาอ่อน เพราะสมองกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง แขนทั้งสองข้างหัก แต่หลังจากอยู่ในห้องไอซียูไม่ถึง 8 วัน สามีก็ฟื้น โดยอาการเหมือนคนไม่ได้เป็นอะไรเลย ซึ่งแพทย์ยังงง โดยเฉพาะแขนที่หักก่อนหน้านั้น เมื่อแพทย์จะผ่าตัดกลับพบว่า แขนไม่ได้เป็นอะไรเลย ทุกอย่างปกติเหมือนคนทั่วไป ทั้งนี้จากอุบัติเหตุดังกล่าวสามีนอนอยู่ในโรงพยาบาลเพียง 23 วันเท่านั้น นางมาลัย ยังเล่าอีกว่า หลังจากที่สามีหาย ได้สอบถามคนในครอบครัวจึงทราบว่า บิดาของตนไปขอร้องให้หลวงปู่ขวัญช่วย โดยเขียนชื่อที่อยู่จริงของโรงพยาบาลที่สามีนอนรักษา หลังจากนั้นจึงทราบว่าหลวงปู่ท่านได้นำชื่อมาเพ่งกระแสจิต จนทำให้อาการของสามีหายดีในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งข่าวดังกล่าวดังไปทั่วประเทศ โดยช่วงนั้นสามีของตนเองไปออกรายการทีวีหลายรายการ อย่างไรก็ตาม นับแต่นั้นมาตนและสามีจะไปเยี่ยมหลวงปู่ขวัญทุกอาทิตย์เป็นประจำตลอดมา และการจากไปของท่านคงไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นความรู้สึกได้
เมื่อ 17.00 น. ของวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2548 หลวงพ่อขวัญ ปวโร พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่ อ.สามง่าม จ.พิจิตร ได้มรณภาพลงด้วยด้วยโรคชรา ขณะที่มีอายุ 98 ปี โดยก่อนหน้านี้ หลวงพ่อขวัญได้ล้มป่วยลงด้วยโรคชราและได้เข้ารักษาตัวในห้องไอซียูของโรง พยาบาลพิจิตร ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่รักษาตัวนานกว่า 2 เดือน อาการกลับไม่ดีขึ้นและคณะแพทย์ได้ลงความเห็นว่าไม่สามารถช่วยเหลือได้ คณะกรรมการวัดและญาติโยมจึงนำตัวออกจากโรงพยาบาลช่วงบ่ายของวันที่ 19 ธันวาคม ก่อนจะที่จะละสังขารเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน
สำหรับพระหลวงพ่อขวัญ เป็นที่ปรึกษาพิเศษของพระครูพิมลธรรมานุสิทธิ์ เจ้าคณะอำเภอสามง่าม และยังเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเป็นที่รู้จักของชาวพุทธทั่วประเทศ วัตถุมงคลที่สร้างชื่อ คือ แหวนตระกร้อ ซึ่งมีทั้งหมด 3 แบบ คือ ทอง เงิน และทองแดง โดยจะนำวัตถุทั้งสามมาสานเป็นรูปตระกร้อครึ่งซีกมีพุทธานุภาพในทางเมตามหา นิยมและป้องกันอสรพิษทุกอย่าง นอกจากนี้ยังมีสติกเกอร์รูปเหมือนหลวงพ่อ เป็นลักษณะวงรียันล้อมรอบ สติกเกอร์ดังกล่าวเป็นที่โจษขานกันในทางแคล้วคลาด ผู้ที่ออกรถใหม่มักจะบูชาไปติดไว้ที่รถ แต่จะเป็นที่รู้กันว่าหากออกรถมาใหม่จะต้องรอประมาณ 3 เดือน จึงจะบูชาไปติดได้ เพราะที่ผ่านมามีผู้ที่บูชาสติ๊กเกอร์ไปติดทันทีเมื่อซื้อรถใหม่ ปรากฏว่าประสบอุบัติดเหตุแทบทุกราย แต่คนขับจะไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ทำให้เชื่อกันว่าใครที่นำไปติดรถใหม่ทันทีจะเป็นการลองของ ขณะที่พระสมเด็จรุ่นสะพานหัก เป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลที่โด่งดัง สำหรับหลวงพ่อขวัญ เคยเป็นศิษย์ ของหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ พระเกจิชื่อดังระดับประเทศแห่งวัดบางคลาน อ.โพทะเล และหลวงพ่อขวัญ ยังได้รับการยอมรับจากครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ว่าเป็นพระที่มีพุทธานุภาพและอาคมแรงกล้า
ราคา :
 1500
โทรศัพท์ :
 0837946145, 0837946145
วันที่ :
 6/03/24 13:31:19
 
 
รูปหล่อเนื้อเงิน หลวงพ่อขวัญ ปวโร พระล้านนา.คอม เว็บ พระเครื่อง พระบูชา อันดับหนึ่ง ของภาคเหนือ ออกแบบเว็บไซต์โดย 2WinWeb design บริการรับทำเว็บไซต์
Copyright Pralanna.com All right reserved. © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายโดย บริษัท พระล้านนาดอทคอม จำกัด.