“พระวัดคู้สลอด” พิมพ์ทรงเม่น เนื้อผงน้ำมัน ลงกรุ
หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ปลุกเสก
พระอาจารย์พงษ์ เป็นศิษย์ของ หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมา หลวงพ่อปาน ได้ให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดคู้สลอด ที่ว่างลง
พระอาจารย์พงษ์ เห็นว่า เสนาสนะต่างๆ ภายในวัด ชำรุดทรุดโทรมมาก จำเป็นต้องบูรณะซ่อมแซมให้แข็งแรงมั่นคง เพื่อให้พระสงฆ์ และชาวบ้านได้ใช้ประกอบพิธีต่างๆ อย่างสะดวก จึงได้สร้างพระเครื่องขึ้นมารุ่นหนึ่ง เพื่อหาทุนทรัพย์ในการบูรณะวัด
พระเครื่องที่สร้างได้ใช้ผงวิเศษที่ พระอาจารย์พงษ์ ได้รวบรวมไว้ รวมกับผงวิเศษที่ หลวงพ่อปาน ใช้อุดพระเครื่องพิมพ์ทรงรูปสัตว์ 6 ชนิด ที่ท่านสร้างขึ้น และยังได้ผสมน้ำมันเพื่อให้เนื้อพระหนึกนุ่ม (ที่เรียกว่า “พระผงน้ำมัน”)
พระวัดคู้สลอด สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ.2465 (พระหลวงพ่อปาน สร้างประมาณ พ.ศ.2460) พิมพ์ทรงคล้ายกับพระหลวงพ่อปาน 6 พิมพ์ คือ พิมพ์ทรงไก่, พิมพ์ทรงหนุมาน, พิมพ์ทรงครุฑ, พิมพ์ทรงเม่น, พิมพ์ทรงปลา และพิมพ์ทรงนก โดยเพิ่มขึ้นใหม่อีก 2 พิมพ์ คือ พิมพ์จันทร์ลอย และพิมพ์สมเด็จ
เมื่อกดพิมพ์เสร็จแล้ว พระอาจารย์พงษ์ ได้นิมนต์ หลวงพ่อปาน ปลุกเสกพระชุดนี้ที่วัดคู้สลอด จากนั้นได้ให้ชาวบ้านทำบุญบูชา จนได้เงินจำนวนหนึ่งใช้จ่ายในการบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะต่างๆ ภายในวัดคู้สลอด จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
พระอาจารย์พงษ์ เห็นว่า ยังมีพระเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง จึงได้นำลงบรรจุกรุในเจดีย์ใหญ่ทั้งหมด พระอาจารย์พงษ์เป็นเจ้าอาวาสต่อมาอีกระยะหนึ่งก็ลาสิกขา ออกไปใช้ชีวิตแบบฆราวาส มีครอบครัว จนถึงแก่กรรม
พระวัดคู้สลอด ที่ให้ชาวบ้านทำบุญบูชา เป็นเนื้อผงน้ำมัน สีเหลืองอมเขียว หรือสีเหลือง อมน้ำตาล ส่วนที่บรรจุกรุ จะมีคราบฟองเต้าหู้จับหนา
พระที่บรรจุกรุ ถูกคนร้ายขโมยเจาะเจดีย์ ได้พระออกมาจำนวนมาก กว่าทางวัดจะรู้ข่าวก็สายไปแล้ว คนร้ายได้เอาพระไปเกือบหมด คงเหลือแต่พระก้นกรุไม่มากนัก
พระวัดคู้สลอด เป็นพระเนื้อผงน้ำมัน มีอานุภาพทางเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดเป็นหลัก สมัยก่อนความนิยมยังไม่แพร่หลาย ราคาไม่แพง ต่อมาเมื่อ พระหลวงพ่อปาน พิมพ์ทรงสัตว์ 6 ชนิด มีราคาสูงขึ้น ทำให้นักสะสมพระเครื่องหันมาเช่าหา พระวัดคู้ลอด มากขึ้น ส่งผลให้ราคาก็สูงขึ้นด้วย เหตุที่มีผู้สนใจสะสมบูชา พระวัดคู้สลอด กันมากขึ้น ก็เพราะเห็นว่าเป็นพระที่ หลวงพ่อปาน ได้ปลุกเสก อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์จึงย่อมเหมือนกับ พระหลวงพ่อปาน 6 พิมพ์ทรงรูปสัตว์ นั่นเอง
|