เหรียญหลวงปู่แหวนรุ่นอนามัยพร้าว ปี ๒๕๑๗ เป็นรุ่นที่เจตนาการสร้างดีอีกรุ่น 1 เพราะนำเงินรายได้ไปสร้างอานามัย พร้าว ครับ พิธีปลุกเสกรุ่นอนามัย เป็นพิธีใหญ่ หลวงปู่ปลุกเสกให้เราโดยตรงสภาพสวย รมดำเดิมๆรุ้งๆ พร้อมเลี่ยมเทองงานมือหนาๆกันน้ำอย่างดีขึ้นคอบูขาได้เลย
<<<< รายละเอียดเพิ่มเติม >>>>
เปิดตำนาน เหรียญอนามัยพร้าว หลวงปู่แหวน สุจิณโณ.
ตำนาน หมอเมืองพร้าว นายแพทย์ อภิเชษฐ์ นาคเลขา
ประวัติหมอเมืองพร้าว
"หมออภิเชษฏ์" เป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2491 ครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน ฐานะยากจน หลังจบการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต ที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในปี 2516 เขาสมัครใจไปเป็นแพทย์ชนบทที่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงสถานีอนามัยเล็กๆ รักษาคนเจ็บป่วยทั่วไป โดยไม่มีเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยครบครัน
เมื่อหมอเดินทางไปถึงได้เริ่มงานใหม่ๆ หลายอย่าง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับโรงพยาบาลดังกล่าวและคนไข้ให้มากที่สุด เช่น นำชาวบ้านไปฝึกอบรมเพื่อให้มาเป็นผู้ช่วยแพทย์ ช่วยในการรักษาเพื่อนบ้าน เป็นต้น
และจากการทำคลอดให้ชาวบ้าน 2 รายรอดชีวิตด้วยวิธีการแพทย์สมัยใหม่ ขณะที่สมัยนั้นชาวบ้านยังทำคลอดโดยหมอพื้นบ้าน ทำให้หมอกลายเป็นที่รู้จักของชาวบ้านมากยิ่งขึ้น ชาวบ้านจำนวนมากเริ่มเดินทางมารักษาตัวที่โรงพยาบาลมากขึ้น จนงบประมาณค่ายาไม่เพียงพอ หมอจึงเดินทางไปพบหลวงปู่แหวน สุจิณโณ เกจิอาจารย์แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ เพื่อขอทำเหรียญขึ้นมาให้คนทั่วไปบูชา เมื่อได้เงินมาจำนวนหนึ่งจึงคิดจะนำมาสร้างโรงพยาบาล ทำห้องสมุด ตู้ยาประจำหมู่บ้าน ฯลฯ
แต่เหตุการณ์ดังกล่าวกลับกลายเป็นต้นเหตุนำมาซึ่งความขัดแย้ง เนื่องจากมีชาวบ้านส่วนหนึ่งเห็นว่ามีเงินมาก จึงข่มขู่เพราะต้องการส่วนแบ่ง แต่หมอไม่ยอมทำให้เกิดปัญหาขึ้น และผลที่ตามมาคือ หมอถูกขู่ฆ่า ถูกคนร้ายตัดสายเบรกรถ และกล่าวหาว่า หมอเป็นผู้ปลุกระดมคนในหมู่บ้านไปเผาสะพาน ทำให้ผู้ใหญ่ในกระทรวงสาธารณสุขในสมัยนั้น เรียกตัวหมอกลับเข้ามาทำงานในกระทรวง ประกอบกับขณะนั้นเป็นช่วงที่การเคลื่อนไหวของพรรคคอมมิวนิสต์ฯ มีความคึกคัก รวมถึงในพื้นที่ภาคเหนือ ทำให้ตลอดเวลา 3 เดือนที่หมออยู่ในกระทรวงไม่ได้ทำงานอะไร ด้วยเหตุนี้ทำให้หมอตัดสินใจลาออกจากราชการ
ในปี 2519 หลังจากการลาออกจากราชการ หมออภิเชษฏ์ได้เปิดคลินิกย่านพัฒนาการชื่อ "คลองตันโพลีคลินิก" ซึ่งขณะนั้นการเปิดคลินิกต้องใช้เงินจำนวนมาก หมอจึงรวมกับเพื่อนอีก 3 คน หลังเปิดคลินิกได้ระยะเดียว เพื่อนหมอด้วยกันก็ถอนตัว แต่หมอก็ยังดำเนินกิจการต่อไป
ทำให้คลินิกแห่งนั้นเหมือนสถานพยาบาลของคนยาก เพราะหมอไม่เก็บค่ารักษาพยาบาล คนไข้จะจ่ายเพียงค่ายาที่ต้องซื้อมาเท่านั้น ส่วนคนไข้ที่ไม่มีเงินก็จะรักษาให้ฟรี และจากปากต่อปากทำให้หมอมีคนไข้เพิ่มขึ้นจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว
นางสินี นาคเลขา ภรรยาของหมอ เล่าว่า สิ่งที่ทำให้หมอได้รับความชื่นชมและเป็นที่รู้จักของชาวบ้าน เพราะเป็นหมอที่ต่างจากหมอคนอื่นทั้งรักษาคนและเขียนหนังสือไปด้วย สู้เพื่อคนจน ปฏิเสธการให้ยาเกินความจำเป็น ไม่ฉีดยาเพื่อให้คนไข้สบายใจ เพราะหมอเกิดจากครอบครัวคนจน หมอเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยเรียนแพทย์เวลาไม่มีเงินกินข้าว บางครั้งถ้าเห็นกับข้าวที่รุ่นพี่กินเหลือจะนำมากินต่อ จึงเข้าใจถึงความจนว่าเป็นอย่างไร
ทันตแพทย์หญิงชลิดา นาคเลขา ลูกสาวของหมออภิเชษฏ์ เล่าว่า "เวลาที่พ่อรักษาคนไข้ที่คลินิก จะมาช่วยตลอด เพราะเรียนที่จุฬาฯ ซึ่งไม่ไกลจากคลินิกนัก ตลอดเวลาที่มาช่วยพ่อที่คลินิกทำให้อยู่ใกล้พ่อบ่อยครั้ง พ่อสอนเสมอว่านอกจากเป็นหมอก็ต้องมีความเป็นคนด้วย"
นอกเหนือจากรักษาคนป่วย หมออภิเชษฏ์ยังมีงานเขียนภายใต้ชื่อ "หมอเมืองพร้าว" ไปพร้อมกัน เริ่มจากสมัยที่หมอยังเป็นแพทย์ในชนบท เริ่มจากเขียนในรูปแบบจดหมายรายสัปดาห์ในชื่อของ "หมอเมืองพร้าว" จากนั้นรวมเล่มและตีพิมพ์ถึง 5 ครั้ง ก่อนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง "หมอเมืองพร้าว" ในปีพ.ศ.2522
งานเขียนที่น่าสนใจของหมอ ยังมีอีกหลายเล่ม อาทิ เสี้ยวนาทีของชีวิตหมอเมืองพร้าว ชายเสื้อกาวน์ วันที่เขาคิดได้ และพร้าว...ลมหายใจจากอดีต เป็นต้น
ทันตแพทย์หญิงชลิดา กล่าวอีกว่า "หลังจากที่ไม่ได้กลับไปอ.พร้าว 20 ปี เมื่อมีโอกาสกลับไปอีกครั้ง และได้พบกับชาวบ้านคนหนึ่งซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ใหญ่บ้านเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนได้รับความช่วยเหลือจากหมอ เขาบอกว่าพ่อเป็นคนที่มีบุญคุณกับเขา เขาบอกกับพ่อว่าถ้าต้องการสร้างบ้านเล็กๆ ที่พร้าว เขายินดีที่จะให้สร้างในที่ดินของเขา ก่อนหน้านี้พ่อกลับไปที่อ.พร้าวอีกหลายครั้ง ไปเยี่ยมคนที่รู้จักบ้าง ไปรักษาคนไข้บ้าง จนกระทั่งป่วยไปไม่ไหว พ่อยังบอกด้วยว่าชื่อของหมอเมืองพร้าวสร้างขึ้นที่นี่ ฉะนั้นบั้นปลายชีวิตก็จะขอจบที่นี่ นี่เป็นความตั้งใจของพ่อ วันนี้ถึงแม้พ่อจะไม่อยู่แล้วแต่คลินิกก็จะดำเนินการต่อไป เพื่อสืบเนื่องความตั้งใจของพ่อต่อไป"
ตลอดชีวิตของหมอเมืองพร้าวที่คอยช่วยคนจนอย่างไม่ย่อท้อ สละความสุขของตนเองช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสกว่า และนี่คือตำนาน "หมอเมืองพร้าว - น.พ.อภิเชษฏ์ นาคเลขา" ซึ่งจะเป็นที่จดจำตลอดไป
แม้ชีวิตของหมอจะดับสูญไปแล้วก็ตาม!!!
การจากไปของน.พ.อภิเชษฏ์ นาคเลขะา ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม "หมอเมืองพร้าว" เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2549 ที่ผ่านมา นันบเป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญในวงการแพทย์และสังคมอีกคนหนึ่ง ที่ยอมอุทิกศตนรับใช้สังคมด้วยการรักษาคนไข้ที่ยากจน โดยไม่เห็นแก่เงินทองและความเหนื่อยยาก จนเป็นที่นับถือและเป็นแบบอย่างให้กับวงการแพทย์จนถึงทุกวันนี้
| 
